
|
ฟังเนื้อหา
Getting your Trinity Audio player ready...
|
เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเดินทางและคอกาแฟว่า “เชียงราย” ไม่ได้มีดีแค่ศิลปะหรือวัดวาอาราม แต่ที่นี่คือ “เมืองแห่งกาแฟ” ตัวจริงเสียงจริง โดยเฉพาะในตัวอำเภอเมืองที่เรียกได้ว่าแทบจะสะดุดร้านกาแฟทุกๆ 200-300 เมตร! มองไปทางไหนก็เจอแต่กลิ่นอายของเมล็ดคั่วหอมกรุ่นลอยฟุ้งไปทั่ว
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงร้านกาแฟคุณภาพระดับท็อปในเชียงราย ชื่อของตำนานอย่าง Bechegu Coffee (เบเชกู่), Yayo Farm (ยาโย่ ฟาร์ม) จากดอยช้าง, Agape Coffee (อากาเป คอฟฟี่) หรือร้านสายลึกอย่าง 1221 Specialty คงจะผุดขึ้นมาในใจใครหลายคน
ร้านเหล่านี้ล้วนโดดเด่นเรื่องรสชาติกาแฟที่เข้มข้นถึงแก่นและบรรยากาศที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดื่มด่ำรสสัมผัสอย่างแท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นโซน “ปลอดสัตว์เลี้ยง” เพื่อรักษาความสงบและสมาธิในการเสพกาแฟ
แต่ท่ามกลางสมรภูมิร้านกาแฟเดือดระอุนี้ ยังมีอยู่ร้านหนึ่งที่ฉีกกฎเดิมๆ ด้วยการผสมผสานสองความสุขเข้าด้วยกันอย่างลงตัว นั่นคือการเสิร์ฟ “กาแฟคุณภาพดี” ควบคู่ไปกับ “กองทัพความน่ารัก” ของเหล่าเจ้านายสี่ขา
ใช่ครับ เรากำลังพูดถึง “CAT ‘n’ A CUP Cat Cafe” (แคท แอนด์ อะคัพ แคท คาเฟ่) ร้านที่ไม่ได้ขายแค่คาเฟอีน แต่ขายประสบการณ์สุดฟินที่ให้เราได้จิบกาแฟรสเลิศแกล้มไปกับการนั่งมองและเล่นกับน้องแมวที่ครองพื้นที่อยู่เต็มร้าน เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้ครบทั้งรสชาติและความสุขทางใจ เป็นสวรรค์ที่บรรดาทาสแมวไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
บรรยากาศและการตกแต่งร้าน: อบอุ่น เรียบง่าย แต่แฝงความขี้เล่น
วินาทีแรกที่ผลักประตูร้านเข้าไป สิ่งที่สัมผัสได้คือความ “อบอุ่น” ร้านตกแต่งด้วยโทนสีที่ดูสบายตา เน้นความโปร่งโล่งเพื่อให้ทั้งคนและแมวได้มีพื้นที่หายใจหายคอ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เน้นเป็นไม้ ให้ความรู้สึกโฮมมี่ (Homey) เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน
การจัดวางโต๊ะเก้าอี้มีทั้งแบบนั่งเก้าอี้ปกติและแบบนั่งพื้นบนเบาะรองนั่ง หลายคนมักชอบแบบนั่งพื้นแบบนี้เพราะมันทำให้เราอยู่ในระดับสายตาเดียวกับน้องแมว เวลาเล่นกันมันถึงเนื้อถึงตัวกว่ากันเยอะเลย
ภายในร้านมีความสะอาดสะอ้านใช้ได้ไม่มีกลิ่นเหม็นอับของสัตว์เลี้ยงมารบกวนจมูก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากสำหรับคาเฟ่ที่มีแมวเยอะขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสังเกตดีๆ อาจจะเห็นขนแมวลอยละล่องอยู่ในอากาศบ้างตามประสา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทาสแมวอย่างเราๆ เข้าใจได้ แต่ถ้าใครเป็นภูมิแพ้หนักๆ อาจจะต้องเตรียมตัวมานิดนึง
อีกจุดที่สังเกตเห็นและอยากฝากไว้เป็นข้อสังเกตเล็กๆ คือกระจกหน้าร้านบางจุดมีรอยร้าวให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะดูน่ากังวลนิดหน่อยสำหรับความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและน้องแมว ถ้าทางร้านปรับปรุงจุดนี้ได้รับรองว่าร้านจะดูเนี้ยบขึ้นอีกเป็นกองเลย
เหล่าเจ้านายประจำร้าน: น่ารัก ขี้เซา หรือเราคิดไปเอง?
มาถึงไฮไลท์สำคัญที่สุดของร้าน นั่นคือเหล่าบรรดา “พนักงานต้อนรับสี่ขา” ที่มีอยู่ประมาณ 20 กว่าตัว! บอกเลยว่าละลานตามาก มีหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชื่นชม ตั้งแต่น้องแมวไทยหน้าตาน่าเอ็นดู ไปจนถึงสายพันธุ์ต่างประเทศอย่างสฟิงซ์ (Sphinx) ที่ดูแปลกตาแต่นิสัยขี้อ้อนสุดๆ
น้องแมวที่นี่ดูสุขภาพดี ตัวแน่นๆ ขนเงางาม บ่งบอกว่าได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี ไม่ผอมโซแน่นอน แต่… สิ่งหนึ่งที่เรามักจะสัมผัสได้และหลายคนอาจจะเจอเหมือนกันคือ น้องๆ “ขี้เซา” มากกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
บางตัวนอนนิ่งจนแทบไม่ขยับ เล่นด้วยก็แค่มองหน้าแล้วหลับต่อ อาจทำให้หลายคนแอบคิดในใจเล่นๆ ว่า “นี่ง่วงจริงหรือโดนวางยากันแน่เนี่ย” (ล้อเล่น 555) จริงๆ แล้วน่าจะเป็นเพราะน้องๆ อาจจะอิ่มเกินไป หรือเล่นกับลูกค้ามาทั้งวันจนเพลียซะมากกว่า
พฤติกรรมแบบนี้น่าเอ็นดูไปอีกแบบ ดูแล้วผ่อนคลายดีเหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครคาดหวังว่าจะมาแล้วน้องแมวกระโดดโลดเต้นใส่ อาจจะต้องทำใจเผื่อไว้นิดนึง
สำหรับใครที่อยากผูกมิตรกับเจ้านาย ทางร้านมี “อาวุธลับ” จำหน่าย นั่นคือขนมแมวเลียในราคา 50 บาท บอกเลยว่าทันทีที่คุณถือซองขนม น้องแมวที่เคยนอนนิ่งๆ จะมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที (แม้จะไม่ทุกตัวก็ตาม) แต่ขอเตือนว่าอาจจะกระเป๋าฉีกเพราะค่าขนมแมวนี้เอาง่ายๆเพราะมันเพลินมาก จ่ายกันไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
รสชาติกาแฟและเมนูแนะนำ: เกินคาดในราคาที่จับต้องได้
พูดถึงเรื่องแมวไปเยอะแล้ว มาดูเรื่อง “ของกิน” กันบ้าง หลายคนอาจจะคิดว่าคาเฟ่แมวคงขายแค่บรรยากาศ รสชาติเครื่องดื่มคงงั้นๆ แต่สำหรับ CAT ‘n’ A CUP ดูแล้วเขาทำได้ดีเกินคาด
เครื่องดื่ม:
ถ้าได้ลองสั่ง กาแฟ มาดื่ม รสชาติจะรู้ว่าว่าเข้มข้น ใช้ได้เลย คอกาแฟที่ชอบรสชัดๆ น่าจะถูกใจ ไม่จืดชืด ส่วนใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ก็มีเมนูโซดาแนะนำ อย่าง Blue Soda และ Passion Soda ที่รสชาติเปรี้ยวหวานซ่า สดชื่นสะใจมาก ดื่มแล้วตาสว่างสู้กับความง่วงของแมวได้ดีทีเดียว หรือจะเป็น Honey Lemon (75 บาท) ก็กลมกล่อมชุ่มคอ
อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือ ทางร้านมีทางเลือกสำหรับคนแพ้นมวัวด้วย โดยมี Oat milk และ Almond milk ให้บริการ ซึ่งถือว่าใส่ใจลูกค้ามาก
ของหวาน:
ขนมเค้กที่นี่รสชาติ “โอเค” ทานคู่กับกาแฟได้เพลินๆ แต่อาจจะไม่ได้ว้าวแสงออกปากขนาดนั้น ส่วนเมนูที่เป็น Signature อย่าง Waffle Tower นั้นอลังการงานสร้างมาก เหมาะสำหรับสั่งมาแบ่งกันทานหลายๆ คน ตัวแป้งวัฟเฟิลกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับไอศกรีมเย็นๆ เข้ากันดีมาก
ราคา:
เรื่องราคาผมมองว่าสมเหตุสมผล เครื่องดื่มส่วนใหญ่อยู่ที่หลักสิบปลายๆ ถึงร้อยต้นๆ (ไม่เกิน 100 บาทสำหรับเมนูทั่วไป) ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับคาเฟ่แมวในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆที่มักจะมีค่าเข้าชม (Entrance Fee) แยกต่างหาก
แต่ที่นี่ ไม่มีค่าเข้า เพียงแค่คุณอุดหนุนเครื่องดื่มคนละแก้ว ก็สามารถนั่งเล่นกับแมวได้ยาวๆ แล้ว งบประมาณต่อคนอยู่ที่ 100-300 บาท ก็เอาอยู่ อย่างไรก็ตามถ้าเทียบกับมาตรฐานความเป็นอยู่และค่าครองชีพของคนที่นี่ราคาก็ถือว่าเอาเรื่องเหมือนกัน
การบริการและกฎระเบียบ: ใส่ใจ แต่ต้องช่วยกันดูแล
พนักงานที่นี่น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสและดู “รักแมว” จริงๆ สังเกตจากการดูแล ทำความสะอาด และคอยสอดส่องความเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งย่ามกับเราจนรู้สึกอึดอัด
อย่างไรก็ตาม การมาเที่ยวคาเฟ่แมว เราในฐานะลูกค้าก็ต้องเคารพกฎกติกาด้วย เช่น ห้ามอุ้มแมวแรงๆ ห้ามรบกวนเวลาน้องนอน และที่สำคัญคือต้องล้างมือก่อนและหลังสัมผัสแมว เพื่อสุขอนามัยที่ดี ซึ่งทางร้านเขาก็มีอ่างล้างมือเตรียมไว้ให้สะดวกสบาย
มีจุดหนึ่งที่อยากฝากเตือนไว้สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่รักความสงบ บางครั้งถ้าน้องๆ หนูๆ วิ่งไล่จับ หรือส่งเสียงดังเกินไป อาจจะทำให้น้องแมวเครียดได้ หลายคนอาจจะเคยเห็นบางจังหวะที่แมวดูตื่นกลัวเพราะโดนเด็กๆ รุมล้อม อยากให้ผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานนิดนึง เพื่อความสุขของทุกฝ่าย ทั้งคน ทั้งแมว และลูกค้าท่านอื่นๆ
อีกมุมหนึ่งที่ต้องรู้:ก่อนไปร้านนี้
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจพุ่งตัวมาร้านนี้ เรื่องนี้ขอพูดกันตรงๆแบบขวานผ่าซากเพื่อให้การมาเที่ยวของคุณไม่เสียอารมณ์และตรงกับความคาดหวังที่สุดคือร้านนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
นี่คือถิ่นของ “ทาสแมว” เท่านั้น
ขอขีดเส้นใต้หนาๆ เลยว่า ร้านนี้ไม่ใช่ร้านสำหรับทุกคนครับ หากคุณเป็นคนที่เฉยๆ กับสัตว์ หรือเป้าหมายหลักคือการมานั่งจิบกาแฟรสเลิศ ดื่มด่ำรสชาติแบบ Specialty Coffee โดยต้องการความสงบเงียบและความเป็นส่วนตัว ทางเราแนะนำให้คุณปัดตกร้านนี้ออกจากลิสต์ไปได้เลยครับ เพราะที่นี่คืออาณาจักรของแมว คุณจะเจอแมวอยู่ทุกตารางนิ้ว ตั้งแต่หน้าประตู บนเก้าอี้ ใต้โต๊ะ หรือบางทีอาจจะมานอนพาดหางอยู่ข้างแก้วกาแฟของคุณ
ถ้าคุณไม่ได้มีจิตใจรักแมวเป็นทุนเดิม คุณอาจจะรู้สึกรำคาญ หงุดหงิด หรือถึงขั้นเกลียดบรรยากาศแบบนี้ไปเลยก็ได้ เพราะการต้องคอยระวังแมว หรือจัดการกับความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทานขนม มันไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับคนที่ไม่ใช่นักรักสัตว์ครับ ฉะนั้น ถามใจตัวเองให้ดีก่อนมาครับว่า “พร้อมไหมที่จะแชร์โต๊ะกับสิ่งมีชีวิตขี้อ้อน(และขี้กวน)เหล่านี้”
พื้นที่อันตรายสำหรับคนแพ้ขนและฝุ่น:
ถึงแม้หลายๆคนที่เคยไปร้านนี้มาแล้วจะชมว่าร้านนี้ดูแลความสะอาดได้ดีเยี่ยม ไม่มีกลิ่นเหม็นกวนใจ แต่ความจริงทางกายภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือขนแมว และ ฝุ่นละออง ที่ต้องมีหลุดออกมาอยู่แล้ว
ในร้านที่มีแมววิ่งเล่นกันกว่า 20 ชีวิต เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีขนแมวปลิวว่อน หรือไรฝุ่นที่ติดมากับตัวน้องๆ แม้ทางร้านจะมีระบบระบายอากาศ แต่สำหรับคนที่แพ้ขนสัตว์หรือภูมิแพ้กำเริบง่าย อย่าเสี่ยงมาร้านนี้เลยเพราะคุณอาจจะนั่งจามจนหมดสนุก หรือหายใจไม่ออกจนกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายแทนที่จะได้พักผ่อน
ต่อให้ใจรักแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่ไหว ก็อย่าฝืนเลยครับ สถานที่นี้อาจจะไม่เหมาะกับสุขภาพของคุณจริงๆ
ทิ้งความโลกสวยไว้ข้างหลัง แล้วมองที่ความจริง:
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับสาย “ขี้กังวล” หรือคนที่จิตใจอ่อนไหว ขี้สงสาร หรือรักแมวจ๋าจนเป็นกังวล หลายคนเมื่อเดินเข้ามาเห็นแมวจำนวนมากอยู่ในห้องแอร์ อาจจะเกิดคำถามสารพัดในหัวด้วยความหวังดี เช่น “เลี้ยงดีไหมเนี่ย?”, “น้องดูซึมๆ ป่วยหรือเปล่า?”, “คนเยอะขนาดนี้ แมวเครียดไหม?”, “ทำไมตัวนั้นดูไม่ร่าเริงเลย?” ขอแนะนำให้คุณวางความหวังดีลงก่อน
อยากให้ปรับ Mindset และมองดู “ข้อเท็จจริง” ตรงหน้าครับ แมวที่นี่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ขนเงางาม สะอาดสะอ้านทุกตัว ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีที่สุดว่าเจ้าของเขาดูแลดีมาก
การที่แมวนอนนิ่งๆ ไม่ได้แปลว่าป่วย แต่มันคือนิสัยปกติของแมวที่นอนวันละ 16-20 ชั่วโมง หรือการที่แมวดูไม่สนใจโลก ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีความสุข แต่อาจจะแค่เบื่อมนุษย์อย่างเราๆ เท่านั้นเอง
การมีแมวอยู่รวมกันเยอะๆ ในคาเฟ่ อาจจะดูอึดอัดในสายตาคนนอก แต่ถ้าน้องๆ สุขภาพกายดี สุขภาพจิตไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าว ก็แปลว่าเขาปรับตัวได้และได้รับการจัดการที่ดีครับ ดังนั้น มาเที่ยวให้สนุก ปล่อยวางความกังวล แล้วเสพความน่ารักตรงหน้าให้เต็มที่ดีกว่าครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินด้วยความห่วงใยที่มากเกินไปจนทำให้ตัวเองหมดสนุกครับ
ทำเลที่ตั้งและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ร้านตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ในตัวเมืองเชียงรายเลย หาไม่ยาก แต่มีประเด็นเรื่องเวลาเปิด-ปิดนิดหน่อยที่ อยากให้เช็คดีๆ เพราะใน Google Map บางทีบอกเปิด 11 โมง แต่จริงๆ แต่ในแฟนเพจข้อมูลบอก 9 โมง ซึ่งถ้าไปผิดเวลาอาจจะต้องยืนรอเก้อได้ ทางที่ดีแนะนำให้เช็คหน้าเพจร้านหรือโทรสอบถามก่อนไปจะชัวร์ที่สุด ถ้าจะให้ยึดข้อมูลตามแฟนเพจเวลาที่ถูกต้องจริงๆน่าจะเปิดทุกวัน 9:00 – 21:00 น.
จุดที่อยากให้ทางร้านปรับปรุง เรื่องแรกเรื่องเวลาเปิด-ปิด: อัพเดทข้อมูลใน Google Map ให้ตรงกับความเป็นจริง เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน อีกเรื่องคือระบบฟอกอากาศ แม้ร้านจะสะอาดมาก เรียกว่าร้านคาเฟ่แมวที่สะอาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แต่เรื่องขนแมวที่ลอยในอากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก ถ้าเพิ่มเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จะช่วยให้บรรยากาศในการดื่มกินสะอาดและสดชื่นขึ้นมาก
บทสรุป: ควรไปไหม?
โดยรวมแล้ว CAT ‘n’ A CUP Cat Cafe เป็นร้านที่เราแนะนำให้คนที่รักสัตว์ที่ได้มีโอกาสมาเชียงรายลองแวะมาดู โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นทาสแมว ร้านนี้คือสวรรค์น้อยๆ ที่คุณจะมีความสุขได้ง่ายๆ ในราคาที่ไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์ กาแฟดี ขนมอร่อย น้องแมวน่ารัก (แม้จะขี้เซาไปหน่อย) บรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะแก่การมานั่งพักขาหลังจากเดินเที่ยววัดร่องขุ่นหรือดอยตุงมาเหนื่อยๆ








