
ฟังเนื้อหา
Getting your Trinity Audio player ready...
|
เชียงราย เมืองงามแห่งขุนเขา ดินแดนแห่งศิลปะและวัฒนธรรมล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ กำลังค่อยๆ เติบโตในฐานะจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหรือชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในระยะยาว (Expat) อาจจะยังไม่หนาแน่นเท่ามหานครอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวชายทะเลชื่อดังอย่างพัทยา ภูเก็ต หรือสมุย หรือแม้แต่เมืองพี่เมืองน้องอย่างเชียงใหม่ แต่เชียงรายก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนและหลงรักได้อย่างไม่ยากเย็น
ด้วยจำนวนชาวต่างชาติที่อาจจะยังไม่มากเท่าเมืองใหญ่ ส่งผลให้ภูมิทัศน์ของร้านอาหารและบาร์สไตล์ตะวันตกในเชียงรายนั้นแตกต่างออกไป เราอาจไม่พบเห็นร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรู ร้านสเต็กเฮาส์ระดับพรีเมียม หรือผับไอริชบรรยากาศคึกคักเรียงรายกันมากมายเหมือนในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ
ร้านอาหารและบาร์สไตล์ตะวันตกที่มีอยู่ในเชียงรายนั้น ส่วนใหญ่มักจะกระจุกตัวกันอยู่ในตัวเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ เช่น บริเวณถนนเจ็ดยอด หรือพื้นที่ใกล้เคียงย่านไนท์บาร์ซ่า ซึ่งแน่นอนว่าก็มีร้านดีๆ หลายร้านให้เลือกสรร แต่การจะค้นหาร้านที่เรียกได้ว่า “ดีที่สุด” อย่างแท้จริงนั้น กลับกลายเป็นภารกิจที่ท้าทายไม่น้อย
คำถามสำคัญคือ คำว่า “ดีที่สุด” ในบริบทของร้านที่เราค้นหานั้น วัดจากอะไร? สำหรับผู้เขียนแล้ว คำว่า “ดีที่สุด” ไม่ได้หมายความว่าจะต้องหรูหราที่สุด ราคาแพงที่สุด หรือมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด แต่มันคือส่วนผสมที่ลงตัวของหลายๆ องค์ประกอบ ที่เมื่อรวมกันแล้วสามารถมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและทำให้เรารู้สึกอยากกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งองค์ประกอบเหล่านั้นประกอบไปด้วย:
- บรรยากาศ (Atmosphere): การตกแต่งร้านมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันคือสิ่งแรกที่สร้างความประทับใจ ร้านที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหราอลังการ แต่ควรมีการตกแต่งที่สื่อถึงคอนเซ็ปต์หรือสไตล์ที่ร้านต้องการนำเสนอได้อย่างชัดเจน มีเอกลักษณ์ น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์รัสติกแบบคันทรี่ สไตล์โมเดิร์นเรียบหรู หรือสไตล์ผับอังกฤษอบอุ่น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ แสง สี และของตกแต่ง ควรส่งเสริมบรรยากาศโดยรวม นอกจากนี้ ดนตรีที่เปิดคลอในร้านก็เป็นส่วนสำคัญ ควรเลือกแนวเพลงและระดับความดังที่เหมาะสม ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมแต่ไม่ดังรบกวนจนเกินไป และที่ขาดไม่ได้คือความสะอาดโดยรวม ทั้งในส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องน้ำ และบริเวณอื่นๆ ต้องดูแลให้ดีอยู่เสมอ
- อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drinks): หัวใจสำคัญของร้านอาหาร แน่นอนว่าคือรสชาติและคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่ม ร้านที่ดีที่สุดควรนำเสนออาหารที่ปรุงสดใหม่ วัตถุดิบมีคุณภาพ รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานหลัก ของทานเล่น หรือของหวาน ควรมีความพิถีพิถันในการปรุงและการจัดจาน เช่นเดียวกันกับเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา ค็อกเทล ไวน์ หรือเบียร์ ควรมีตัวเลือกที่หลากหลายและมีคุณภาพดีสมราคา
- การดูแลและการบริการ (Service): ประสบการณ์ที่ดีไม่ได้หยุดอยู่แค่บรรยากาศและอาหาร การบริการจากพนักงานและเจ้าของร้านคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ พนักงานควรมีความกระตือรือร้น เอาใจใส่ ยิ้มแย้มแจ่มใส และให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ทัศนคติของเจ้าของร้านก็สำคัญไม่แพ้กัน การแสดงออกถึงความใส่ใจ ให้เกียรติ และมองเห็นลูกค้าเป็นคนสำคัญ (ไม่ใช่แค่แหล่งรายได้) มองแขกทุกคน “เป็นผู้มาเยือน” ไม่ใช่ “ลูกค้า” ยิ่งจะสร้างความรู้สึกที่ดีได้อย่างมหาศาล ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดประคบประหงมราวกับพระเจ้า เพียงแค่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และรู้สึกเป็นกันเอง ก็เพียงพอแล้ว
- ราคาที่สมเหตุสมผล (Reasonable Price): ความคุ้มค่าเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา ราคาอาหารและเครื่องดื่มควรมีความสมเหตุสมผล สอดคล้องกับคุณภาพ ปริมาณ บรรยากาศ และบริการที่ได้รับ การตั้งราคาสูงเกินจริง หรือที่เรียกกันว่า “ฟันหัวแบะ” แม้ว่าอาหารจะอร่อยเลิศเลอบรรยากาศจะดีแค่ไหน ก็คงไม่มีใครอยากกลับไปอุดหนุนซ้ำสอง ความรู้สึกว่าได้รับความคุ้มค่า จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและอยากกลับมาอีก
- ความประทับใจโดยรวม (Overall Impression): นี่คือผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดจากการผสมผสานของทุกองค์ประกอบที่กล่าวมา มันคือความรู้สึกสบายใจ ความสุข และประสบการณ์เชิงบวกที่ได้รับจากการใช้เวลาอยู่ในร้านนั้นๆ เป็นความรู้สึกที่ทำให้เราอยากบอกต่อเพื่อนฝูง และที่สำคัญคือ ความรู้สึกอยากกลับไปเยือนอีกครั้ง
ในระหว่างการสำรวจและตระเวนชิมร้านอาหารสไตล์ตะวันตกในตัวเมืองเชียงราย ผู้เขียนได้พบเจอร้านดีๆ หลายแห่ง แต่ก็มักจะมีลักษณะที่เด่นไปเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แต่ยังขาดความลงตัวในองค์ประกอบอื่นๆ อย่างน่าเสียดาย บางร้านตกแต่งได้สวยงามน่าทึ่ง บรรยากาศดีเลิศ ชวนให้นั่งดื่มด่ำได้นานๆ แต่อาหารกลับธรรมดา ไม่โดดเด่น หรือบางครั้งถึงขั้นน่าผิดหวัง
ในขณะที่บางร้านอาหารอร่อยมาก วัตถุดิบดี ปรุงรสเยี่ยม บรรยากาศก็พอใช้ได้ แต่กลับเปิดเพลงเสียงดังสนั่น หนวกหูจนไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างสบาย
หรือบางร้านเกือบจะดีทุกอย่าง ทั้งอาหาร บรรยากาศ ราคา แต่การบริการกลับย่ำแย่ พนักงานหน้าบึ้งตึง ทำงานเหมือนโดนบังคับมา ขาดความใส่ใจ ทำให้ประสบการณ์โดยรวมสะดุดลงไปอย่างน่าเสียดาย
ด้วยเหตุนี้ การตามหาร้านที่ “ครบเครื่อง” ทุกองค์ประกอบตามนิยามข้างต้นจึงดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก… จนกระทั่งวันหนึ่ง โชคชะตาก็นำพาให้ผู้เขียนได้ไปพบกับร้านอาหารแห่งหนึ่งเรียกว่าจะบังเอิญก็ไม่ผิดนัก
และสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ร้านนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยว หรือแหล่งรวมของชาวต่างชาติ แต่กลับซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ ในอำเภอเล็กๆ ที่ห่างออกไป บรรยากาศรอบข้างเป็นธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบชนบท ซึ่งเป็นสถานที่ที่น้อยคนนักจะคาดคิดว่าจะมีร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่มีคุณภาพซ่อนอยู่
ร้านที่ว่านี้ สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการตกแต่งร้านที่สวยงาม มีสไตล์ ให้กลิ่นอายแบบตะวันตกอย่างชัดเจน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อได้ลองชิมอาหารและเครื่องดื่ม ก็ต้องยอมรับว่าอร่อยถูกปาก วัตถุดิบมีคุณภาพ และปรุงด้วยความใส่ใจจริงๆ
ที่สำคัญคือ การต้อนรับและการบริการจากเจ้าของร้านนั้นยอดเยี่ยมมาก เป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนมาเยี่ยมบ้านเพื่อน และแม้ว่าราคาอาจจะไม่ใช่ร้านที่ถูกที่สุด แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ สรุปได้ว่า ร้านนี้สามารถตอบโจทย์องค์ประกอบของคำว่า “ดีที่สุด” ได้อย่างครบถ้วน สร้างความประทับใจและความรู้สึกอยากกลับไปอีกครั้งได้อย่างแท้จริง
มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจและออกจะแปลกอยู่ไม่น้อย ที่ร้านอาหารซึ่งใส่ใจในรายละเอียดและสร้างสรรค์ประสบการณ์สไตล์ตะวันตกได้อย่างดีเยี่ยมเช่นนี้ กลับเลือกที่จะมาเปิดให้บริการในพื้นที่ที่ห่างไกลจากศูนย์กลางความเจริญ ห่างไกลจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอย่างนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่อาศัยในเมือง ทำไมพวกเขาถึงเลือกทำเลที่ตั้งเช่นนี้? อะไรคือแรงบันดาลใจเบื้องหลัง?
ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะพาทุกท่านออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย ไปทำความรู้จักกับร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่ซ่อนตัวอยู่อย่างน่าประหลาดใจแห่งนี้กันครับ เราจะพาไปดูบรรยากาศ สัมผัสรสชาติอาหาร พูดคุยถึงเรื่องราว และแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับ
เร้านสไตล์ฝรั่งที่ดีที่สุดในเชียงราย” ในใจของคุณ เหมือนกับที่มันได้กลายเป็นร้านที่ผู้เขียนกล้าแนะนำอย่างเต็มปาก หลังจากที่ได้แวะเวียนไปพิสูจน์ความยอดเยี่ยมด้วยตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งในช่วง 4 เดือนหลังสุด จนมั่นใจแล้วว่าร้านนี้คือ ‘ของจริง’ ที่สามารถมอบประสบการณ์สุดประทับใจได้ครบถ้วนตามเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อที่เราได้คุยกันไปก่อนหน้านี้อย่างสม่ำเสมอ
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ อำเภอพาน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปค้นพบเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่นอกเมืองพร้อมกันเลยครับ!
อำเภอพานที่ไม่คาดฝัน
เมื่อเอ่ยถึง “อำเภอพาน” จังหวัดเชียงราย ภาพจำของใครหลายคน หรือแม้แต่ผู้ที่เคยเดินทางผ่านหรือแวะพักเพียงชั่วครู่ อาจเป็นภาพของเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบทางตอนเหนือ โอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจี โดนมีเขาหัวง้มโอบอยู่ทางทิศตะวันออก เขาอุทยานแห่งชาติดอยหลวงล้อมทางทิศตะวันตก และดอยปุ่ยอยู่ทางทิศเหนือ
อำเภอพานอาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางอันดับแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวจากต่างแดนจะนึกถึงเมื่อมาเยือนภาคเหนือของไทย เป็นเมืองเล็กๆ ที่ชีวิตดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบกว่าตัวเมืองเชียงรายอยู่มาก
ถึงแม้จะเป็นอำเภอที่มีเปอร์เซ็นที่ชาวบ้านนิยมทำการค้าขายมากกว่าอีกหลายๆอำเภอ เกษตรกรรมก็ยังเป็นอาชีพหลักของคนที่นี่ ท้องทุ่งนาสีเขียวกว้างไกลยังมีให้เห็นได้ไม่ยากนัก และกลิ่นอายของวัฒนธรรมล้านนาที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
บนถนนสายรองที่ตัดผ่านใจกลางอำเภอ ร้านรวงต่างๆ ตั้งเรียงรายสะท้อนวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ ผู้คนยังคงใช้ชีวิตผูกพันกับธรรมชาติและความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ทว่าภายใต้ความสงบงามนั้น อำเภอพานกลับซ่อนมิติที่น่าสนใจไว้ไม่น้อย หลายคนอาจไม่ทราบว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้มีสภาพเศรษฐกิจที่คึกคักไม่เบา เป็นรองเพียงอำเภอแม่สายเท่านั้น (หากไม่นับรวมอำเภอเมืองเชียงราย)
นอกจากนั้นแล้ว อำเภอพานยังเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักชิมว่าเป็น “เมืองก๋วยเตี๋ยวอร่อย” ของจังหวัด มีร้านเด็ดร้านดังให้เลือกลิ้มลองหลายร้าน ที่ดังระดับจังหวัดเลยก็มี ก๋วยเตี๋ยวตังอา พานโอชา และก๋วยเตี๋ยวโกนงค์ซึ่งโด่งดังในเรื่องของขนมจีบ บางคนถึงกับพูดว่าเป็นขนมจีบที่อร่อยที่สุดในเชียงราย
ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตปลานิลคุณภาพดีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงราย ตลาดหกแยกพานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งเช้าและเย็น ที่ตลาดแห่งนี้มีพืชผักสดใหม่และอาหารพื้นเมืองเหนือให้เลือกซื้อหา
หรือหากมองหาร้านกาแฟดีๆสักร้าน ก็ดูเหมือนจะมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ กระจายตัวอยู่แทบทุกมุมถนน ตั้งแต่ร้านเล็กๆในมุมเล็กๆของถนน ไปจนถึงร้านขนาดใหญ่ที่ลงทุนสูงและตกแต่งที่ค่อนข้างทันสมัย
ถึงกระนั้นก็ตาม แม้จะมีชีวิตชีวาในแง่มุมเหล่านี้ แก่นแท้ของพานก็ยังคงเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ จังหวะชีวิตที่เนิบช้า ภาพชาวบ้านที่ยังคงใช้ชีวิตตามวิถีดั้งเดิม ยังคงเป็นเสน่ห์หลักที่สัมผัสได้เสมอเมื่อมาเยือน
โอเค…เมืองมันก็ไม่ได้เงียบเชียบไปซะทุกจุดหรอกนะ ถนนหน้าตลาดพานเป็นจุดหนึ่งที่เรียกได้ว่าพลุกพล่านที่สุด หากมาตอนสายถึงบ่ายบอกได้เลยว่าหาที่จอดรถแทบไม่ได้
แต่สิ่งที่น่าทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อก็คือ ตรงกันข้ามกับความคลาคล่ำจอแจบนถนนใหญ่หน้าตลาดพานที่เต็มไปด้วยผู้คนและรถรา เพียงแค่เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างตลาดไปไม่เกินสองสามร้อยเมตรเท่านั้น โลกกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!
ความพลุกพล่านเมื่อครู่พลันหายไปทันที เหลือเพียงความสงบเงียบที่ตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเสียงเหล่านั้นไม่เคยมีอยู่จริง มีร้านค้าร้าน ก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ร้านกาแฟแทรกตัวอยู่บ้างอย่างเงียบๆตามวิถีของชาวบ้านต่างจังหวัด
และท่ามกลางภาพจำของเมืองอันเรียบง่าย เงียบสงบ เปี่ยมด้วยกลิ่นอายล้านนา และวิถีชีวิตแบบบ้านๆต่างจังหวัดนี่เอง ที่การได้ค้นพบสถานที่อย่าง “Jack’s Place” ได้เข้ามาทลายกรอบความคิดเดิมๆจนหมดสิ้น มันคือความรู้สึกประหลาดใจระคนสงสัย… บาร์สไตล์ตะวันตกขนานแท้ตั้งอยู่ในเมืองเงียบ ซอยเงียบๆซอยหนึ่ง ที่ดูราวกับหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง



เป็นไปได้อย่างไรที่ร้านสไตล์บาร์ฝรั่งจะมาตั้งหลักปักฐานอยู่ในเมืองเล็กๆ ซอยเล็กๆ ที่เงียบสงัดเช่นนี้? ซึ่งเป็นภาพที่เรามักคุ้นตาตามเมืองใหญ่ หรือแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต สมุย หรือกระบี่ แล้วใครกันคือผู้ที่มีวิสัยทัศน์อัน ‘หาญกล้า’ พอที่จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ที่ดูจะ ‘สวนทาง’ กับบริบททางสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่แห่งนี้ได้ถึงเพียงนี้?
การมีอยู่ของร้านที่ตกแต่งด้วยกลิ่นอายแบบตะวันตกเข้มข้น ทั้งเครื่องดื่ม อาหาร และบรรยากาศ ในซอยเงียบๆซอยหนึ่งใจกลางอำเภอพาน เป็นเรื่องที่ชวนให้สงสัยและอยากเข้าไปทำความรู้จักในตอนแรกอย่างยิ่ง
และเมื่อผมได้ตัดสินใจลองก้าวเข้าไป สัมผัสบรรยากาศ และได้มีโอกาสแวะเวียนกลับไปอีกหลายต่อหลายครั้ง ได้พูดคุยทำความรู้จักกับเจ้าของร้าน ได้ลิ้มลองทั้งอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนูแล้ว ผมก็ยิ่งประจักษ์ว่าที่นี่คือ ‘อัญมณีที่ซ่อนเร้น’ ที่น่าทึ่งและชวนค้นหาอย่างแท้จริง
Jack’s Place เป็นสถานที่พิเศษที่ผมเชื่อเหลือเกินว่า ชาวอำเภอพานเองจำนวนไม่น้อย ก็อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองของพวกเขา
การค้นพบ Jack’s Place: ประตูสู่โลกอีกใบ
เรื่องราวการพบเจอกับ Jack’s Place ของผมนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน มันเริ่มจากที่ผมได้เดินทางมาทำธุระที่อำเภอพานเมื่อปลายปี 2568 ในเย็นวันหลังทำธุระเสร็จผมนึกอยากหาสถานที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆซักแก้ว
จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิด Google Maps แล้วพิมพ์คำค้นหาง่ายๆ ลงไปว่า “บาร์ใกล้ฉัน” ท่ามกลางรายชื่อที่ปรากฏขึ้นมานั้น “Jack’s Place” สะดุดตาผมเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เพราะมันอยู่ในอำเภอพาน แต่เพราะมันปรากฏขึ้นมาในอันดับต้นๆ พร้อมกับคะแนนรีวิวที่สูงถึง 4.8 ดาว
และเมื่อลองกดเข้าไปดูรายละเอียด ผมก็พบว่าผู้ที่มารีวิวส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวต่างชาติแทบทั้งสิ้น รูปภาพประกอบที่พวกเขาแบ่งปันกันนั้นเผยให้เห็นบรรยากาศภายในร้านที่ดูดีเกินคาด แสงไฟอบอุ่น การตกแต่งที่น่าสนใจแบบสไตล์ฝรั่ง ชวนให้สงสัยว่านี่คือร้านที่อยู่ในอำเภอพานจริงๆหรือ
ในตอนแรก ผมยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจนัก ด้วยความรู้สึกกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ มันยากที่จะจินตนาการว่าจะมีบาร์สไตล์ตะวันตกที่ดูดีขนาดนี้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองที่ดูเงียบสงบอย่างพาน หรือบางที รูปภาพเหล่านั้นอาจผ่านการปรุงแต่งจนดูเกินจริงไปบ้าง ความคิดนี้ทำให้ผมปัด Jack’s Place ออกจากความสนใจไปชั่วคราว
อีกสองสามสัปดาห์ถัดมา เมื่อโอกาสพาผมกลับมาเยือนอำเภอพานอีกครั้ง และเช่นเคย นิ้วมือก็พาให้ผมค้นหาวลีเดิมๆ อีกครั้ง ภาพจำของร้านปริศนาที่มีคะแนนรีวิวสูงลิ่วจากชาวต่างชาติเหล่านั้นก็กลับมาดึงดูดความสนใจผมอีกครา คราวนี้ความสงสัยใคร่รู้ไม่ได้แค่ก่อตัว
แต่กลับทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวไม่หยุดย่อน: ร้านนั้นมันมีดีอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รับคำชื่นชมมากมายขนาดนั้น? และบรรยากาศในภาพถ่ายเหล่านั้นสะท้อนความจริงได้มากน้อยแค่ไหนกันแน่? ผมทนความสงสัยนี้ไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายจึงตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปหาคำตอบและ พิสูจน์ด้วยตาตัวเองให้ได้
วันนั้นตรงกับวันที่ 27 มกราคม 2568 ผมเปิด Google Maps อีกครั้งและขับรถไปตามเส้นทางที่แอปพลิเคชันนำทาง มันพาผมเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นรองที่ไม่พลุกพล่านนัก เป็นถนนสายเล็กๆ ที่ตัดผ่านย่านพักอาศัยคล้ายหมู่บ้าน แม้จะอยู่ไม่ไกลจากใจกลางของอำเภอมากนัก แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบอย่างเห็นได้ชัด
และแล้วผมก็มาถึงจุดหมาย Jack’s Place ในเวลา 18:30 น. ร้านที่อยู่ในซอยอันเงียบสงบในตัวอำเภอ ตัวร้านไม่ได้เป็นตึกแถวตามแบบทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายบ้านเดียวหลังเล็กๆผนังเป็นกระจกบานใหญ่เกือบทั้งหมด ทำให้มองเห็นบรรยากาศภายในได้รางๆ
แต่ภาพนั้นดูพร่ามัวเพราะกระจกหนาและบริเวณหน้าร้านถูกตกแต่งอย่างหนาแน่นด้วย สารพัดป้าย สัญลักษณ์ แทรกด้วยกระถางดอกไม้และกระบองเพชรเล็กๆ มีจักรยานและมอเตอร์ไซค์เวสป้าสีขาวจอดหน้าร้านไม่แน่ใจว่าเป็นของจริงหรือของตกแต่งแต่มันลงตัวได้อย่างดี
แสงไฟสีขาวและเหลืองนวลจากหลอดเล็กๆ จำนวนมากถูกประดับประดาอยู่ทั่วหน้าร้าน เพิ่มความสว่างไสวในระดับหนึ่ง แต่แสงที่ส่องออกมาจากภายในร้านนั้นกลับเจิดจ้ามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สร้างมู้ดของบาร์ฝรั่งแบบที่เราคุ้นเคยจากในภาพยนตร์ ราวกับแสงนั้นกำลังเรียกให้เข้าไปสัมผัส
และที่ขาดไม่ได้คือ ป้ายไฟกลมอันเป็นเอกลักษณ์สองป้าย ป้ายสีเขียวอ่อนของเบียร์ และป้ายอีกดวงที่มีรูปสุนัขและชื่อร้าน “Jack’s Place” เป็นภาษาอังกฤษ ส่องประกายกึ่งโดดเด่นแต่ก็ไม่วายถูกป้ายไฟเบียร์สีเขียวซึ่งจ้ากว่าแย่งความสนใจไปนิดนึง
ผมจอดรถแล้วเดินเข้าไปใกล้ บานประตูกระจกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผมสูดหายใจเบาๆ ก่อนจะผลักมันเข้าไป…วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในร้าน ความรู้สึกที่สัมผัสได้คือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศภายในนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกของอำเภอพานที่เคยสัมผัส



มันคือบาร์สไตล์ตะวันตกขนานแท้ ที่ตกแต่งอย่างมีรสนิยม สะอาดสะอ้าน บาร์ฝรั่งส่วนใหญ่จะจัดไฟสลัวๆ แต่ร้านนี้แสงไฟสว่างจ้า ขับเน้นให้รายละเอียดต่างๆ ดูโดดเด่น ทั้งเคาน์เตอร์บาร์ยาว เบื้อหลังเต็มไปด้วยขวดวิสกี้ รัม และวอดก้า (คงมีมากกว่านั้นแต่ผมไม่รู้จัก) เก้าอี้สตูลสูง และของตกแต่งมากมายที่ประดับประดาอยู่ทั่วทุกมุม
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้การตกแต่งจะดูพิถีพิถัน มีราคา และอาจเรียกได้ว่า “หรูหรา” ในบริบทของอำเภอพาน แต่มันกลับไม่ได้สร้างความรู้สึกเย็นชา กดดัน หรือแบ่งแยกแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผมกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึเป็นกันเอง และเชื้อเชิญอย่างน่าประหลาด
ผมสัมผัสได้ว่า การจัดวางข้าวของทุกชิ้นภายในร้านนั้น ดูเหมือนจะถูกคิดและวางมาอย่างดี ทว่ากลับให้ความรู้สึก เป็นธรรมชาติและลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ ของประดับร้านแทบทั้งหมด ไม่ได้เป็นสิ่งของที่หาซื้อได้ตามร้านตกแต่งทั่วไป แต่ล้วนเป็น ข้าวของที่เจ้าของร้านเคยใช้งานจริง มีเรื่องราวและชีวิตของมัน ถูกนำมาจัดแสดงอย่าง ไม่ประดักประเดิดและไม่อวดอ้าง แต่เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่
ของภายในร้านบอกเล่าเรื่องราวและสะท้อนตัวตนของเจ้าของออกมาอย่างตรงไปตรงมา บรรยากาศที่นี่จึงให้ความรู้สึกที่ผสมผสานกันอย่างน่าสนใจ คือ ความผ่อนคลาย สบายตัว ในแบบที่เราคาดไม่ถึง ควบคู่ไปกับ ความตื่นตาตื่นใจเล็กๆ ที่ทำให้เราอยากใช้เวลาค่อยๆ สำรวจและค้นพบ รายละเอียดและเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมร้าน
นิยามของ Dive Bar และความเป็น Jack’s Place
หลังจากความประทับใจแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของ Jack’s Place คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจผม ร้านแบบนี้เรียกว่าสไตล์อะไรกันแน่? มันมีความรู้สึกที่คุ้นเคยคล้ายกับบาร์ที่เคยเห็นในภาพยนตร์หรือได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนชาวต่างชาติ
จนกระทั่งผมได้ไปที่ร้านหลายครั้งและได้พูดคุยและเรียนรู้มากขึ้นทีละนิดๆผมจึงได้รู้จักกับคำว่า “Dive Bar” ซึ่งดูเหมือนจะอธิบายตัวตนของ Jack’s Place ได้อย่างน่าสนใจ แม้จะไม่ตรงตามขนบเดิมเสียทีเดียว
แล้ว “Dive Bar” คืออะไร? หลังจากได้ทำการบ้านไปหาข้อมูล ก็ได้ทราบว่าในวัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะในอเมริกา Dive Bar คือบาร์ประเภทหนึ่งที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว มันไม่ใช่บาร์หรูหราหรือบาร์ไฮโซ ไม่ใช่ผับอินเทรนด์ที่ตกแต่งตามกระแสนิยม แต่เป็นสถานที่ที่เน้นความเรียบง่ายสบายๆเป็นกันเอง
บรรยากาศของร้านสไตล์ Dive Bar อาจจะดูดิบๆ ทึมๆบ้างด้วยแสงไฟสลัวๆ มีร่องรอยของกาลเวลาปรากฏอยู่ตามผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ ร้านเป็นสไตล์แบบเก่าๆและขรุขระมักมีเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า ผนังตกแต่งด้วยโปสเตอร์หนังแบบ vintage ภาพถ่ายสไตล์เรโทร (Retro) สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย คำนี้อาจฟังดูไม่น่าเข้าใกล้
แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของเสน่ห์ มันคือสถานที่ที่ผู้คนไม่ต้องปรุงแต่งตัวตนมากนัก สามารถเข้ามานั่งดื่ม พูดคุย ผ่อนคลาย ได้อย่างสบายใจ มักจะเป็นศูนย์รวมของคนในท้องถิ่นหรือกลุ่มคนที่มีความชอบคล้ายๆ กัน มีความรู้สึกของความเป็นชุมชนเล็กๆ ซ่อนอยู่
หัวใจของ Dive Bar คือ “คาแรคเตอร์” ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้เกิดจากการออกแบบโดยอินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดัง แต่เกิดจากการสั่งสมเรื่องราว ผู้คน และความทรงจำมายาวนาน อาจจะผ่านเพลงที่เปิด ของตกแต่งที่เจ้าของสะสม หรือแม้แต่รอยขีดข่วนบนเคาน์เตอร์บาร์หรือโต๊ะ ทุกอย่างล้วนบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของมันเอง มันคือความจริงแท้ ไม่เสแสร้ง ที่หาได้ยากในบาร์สมัยใหม่หลายๆแห่ง
ทีนี้ กลับมาที่ Jack’s Place การจะบอกว่าที่นี่คือ Dive Bar ตามนิยามดั้งเดิมเป๊ะๆก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอย่างที่ผมรู้สึกในตอนแรกร้านนี้มีการตกแต่งที่ดูดี มีราคา พื้นที่ส่วนแทบทั้งหมดสะอาดหมดจด เปิดใส่สว่างจ้าทั่วทั้งร้านแทนที่จะเป็นไฟสลัวๆเหมือนกับ Dive Bar แบบดั้งเดิม





ดูใส่ใจในรายละเอียดมากกว่า Dive Bar ทั่วไปที่อาจจะเน้นความ “ดิบ” หรือ “เก่า” มากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า Jack’s Place มีความหรูหราและทุกอย่างดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่า
แต่ขณะเดียวกันก็มี “จิตวิญญาณ” ของความเป็น Dive Bar อยู่เต็มเปี่ยม คือบรรยากาศและการตกแต่งที่ไม่โอ้อวด ความรู้สึกเป็นกันเองอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไป และที่สำคัญคือ “ตัวตน” ของร้านที่สะท้อนออกมาจากทุกส่วนของร้าน
ของตกแต่งนับพันชิ้นที่อัดแน่นอยู่ทุกมุม ไม่ใช่ของประดับราคาแพงที่หาซื้อได้จากร้านตกแต่ง แต่เป็นของที่เคยผ่านการถูกใช้งานจริงโดยเจ้าของ คือเศษเสี้ยวชีวิต คือความทรงจำ คือหลักฐานการเดินทางไปแล้วหลายประเทศทั่วโลกของเจ้าของร้าน
ของพวกนี้มอบประวัติศาสตร์และเรื่องราวให้กับสถานที่แห่งนี้ แม้จะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมาจากการเปิดร้านยาวนานหลายสิบปีเพราะจริงๆร้าน Jack’s Place เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 2 ปี (ประมาณ ต้นปี 2566) แต่มันคือประวัติศาสตร์ส่วนตัวที่ถูกนำมาเรียงร้อยและจัดแสดงอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้ Jack’s Place มี “คาแรคเตอร์” ที่เข้มข้นและไม่เหมือนใคร ซึ่งนี่แหละคือหัวใจสำคัญของความเป็น Dive Bar
การได้มาเจอบาร์ที่มีกลิ่นอายและจิตวิญญาณแบบ Dive Bar ในอำเภอพาน จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งยวด เมืองที่สงบเงียบ รายล้อมด้วยธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบล้านนา เมืองที่ไม่ได้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่หนาตาเหมือนในตัวเมืองเชียงใหม่หรือกรุงเทพฯ
Jack’s Place เป็นร้านที่ดูแตกต่างจากร้านอื่นๆ ในอำเภอนี้ ตอนแรกอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากับที่นี่เท่าไหร่อาจจะดูหรูดูแพงเกินไปสำหรับคนในพื้นที่ แต่พอได้ลองเข้าไป กลับรู้สึกว่ามันเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ร้านนี้เลยช่วยเพิ่มความน่าสนใจ หรือความแปลกใหม่ให้กับอำเภอเล็กๆ แห่งนี้
พูดง่ายๆ ก็คือ Jack’s Place ไม่ใช่ Dive Bar แบบเก่าแท้ๆ แต่ก็เอาฟีลลิ่งสบายๆ เป็นกันเองของ Dive Bar มาทำในแบบของร้าน ถึงจะดูเนี้ยบกว่า ใส่ใจรายละเอียดมากกว่า แต่ก็ยังได้บรรยากาศชิลๆในแบบของ Dive Bar เหมือนเดิม
เบื้องหลังชื่อร้าน: Jack ไม่ใช่ชื่อเจ้าของร้าน
หลายคนเมื่อได้ยินชื่อร้าน ‘Jack’s Place’ ครั้งแรก อาจจะเผลอคิดไปตามสัญชาตญาณว่าเจ้าของร้านคงต้องชื่อ ‘แจ็ค’ แน่ๆ อาจจะจินตนาการไปถึงชายชาวต่างชาติที่ชื่อฝรั่งๆอย่างแจ็ค หรือบาร์เทนเดอร์มาดเข้มที่คอยผสมเครื่องดื่มอยู่หลังเคาน์เตอร์ แต่เดี๋ยวก่อน… เรื่องราวมันซับซ้อน อบอุ่น และน่าสนใจกว่านั้นนิดหน่อยครับ!
ที่มาของชื่อร้าน ‘Jack’s Place’ ไม่ใช่ชื่อคนหรอกครับ แต่เป็นชื่อของเพื่อนสี่ขาสุดน่ารักต่างหาก ‘Jack’ คือหมาพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก อายุ 7 ขวบ ที่ใครเห็นก็ต้องเอ็นดู


ส่วนเจ้าของร้านจริงๆ คือ ‘คุณกบ’ กับแฟน ‘คุณก้อ’ แต่ทั้งคู่ก็มักจะพูดเล่นว่า Jack นี่แหละคือเจ้าของตัวจริง เพราะถ้าไม่มี Jack ก็คงไม่มีร้านนี้ ส่วนที่มาที่ไปแบบเต็มๆ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังกันต่อครับ
Jack ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่เปรียบเสมือนสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว เป็นเหมือนเงาตามตัวของคุณกบและคุณก้อเลยก็ว่าได้ และนี่คืออีกหนึ่งความน่ารักของที่นี่ครับ
และ Jack ไม่ใช่แค่ชื่อที่แปะอยู่บนป้ายร้าน แต่เป็นตัวตนที่มีชีวิตชีวา เดิน (หรือส่วนใหญ่มักจะนอน) วนเวียนอยู่ในร้านจริงๆ แทบจะเรียกได้ว่า เจ้า Jack ไม่เคยอยู่ห่างจากคุณกบเลย ถ้าคุณกบมาเปิดร้านเมื่อไหร่ เจ้า Jack ก็จะตามติดมาด้วยเสมอไม่มีข้อยกเว้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศที่ขาดไม่ได้ของ Jack’s Place ไปโดยปริยาย
กิจวัตรประจำวันของ Jack ในร้านก็แสนจะเรียบง่ายแต่น่าเอ็นดู บางวันเราอาจจะเห็นเขานอนหลับปุ๋ยอยู่ในมุมโปรดมุมเดิมๆ อาจจะเป็นบนเบาะนุ่มๆ หรือใต้เก้าอี้ตัวไหนสักตัว ส่งเสียงกรนเบาๆ เป็นดนตรีประกอบฉาก เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเพื่อน
แต่บางวัน เขาก็จะคึกคักเป็นพิเศษ เดินสำรวจตรวจตราไปทั่วมุมร้าน หรืออาจจะวิ่งเล่นออกมาทักทายลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ด้วยท่าทางและแววตาที่เป็นมิตรตามประสาเฟรนช์บูลด็อกที่ขี้เล่น เป็นการต้อนรับที่คาดไม่ถึงแต่ก็สร้างรอยยิ้มได้เสมอ

ความผูกพันระหว่างคุณกบกับเจ้า Jack นั้นเห็นได้ชัดเจนมากๆผ่านการที่คุณกบพูดถึงและเจ้า Jack ในหลายๆเรื่อง การตัดสินใจนำชื่อ Jack มาตั้งเป็นชื่อร้าน จึงไม่ใช่แค่การตั้งชื่อตามสัตว์เลี้ยงแสนรัก แต่มันคือการให้เกียรติ คือการยกย่องให้ Jack เป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจของสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
ดังนั้น หากคุณได้มีโอกาสแวะเวียนไปที่ Jack’s Place ในอำเภอพาน อย่าแปลกใจถ้าคุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งเจ้าของร้าน คุณกบ และ ‘เจ้าของชื่อร้าน’ ตัวจริงสี่ขา การได้เห็นเจ้า Jack วิ่งเล่นทักทาย หรือนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ไม่ไกล เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์เล็กๆ เป็นภาพที่ชินตาและน่าจดจำสำหรับยิ่งขึ้นไปอีก
ทำความรู้จักเจ้าของร้าน “คุณกบ” ชายผู้กลับถิ่นกำเนิดพร้อมเรื่องราวรอบโลก
หลังจากที่เราได้รู้จักเจ้าของชื่อร้านสี่ขาสุดน่ารักอย่างเจ้า Jack กันไปแล้ว ก็ถึงเวลาทำความรู้จักกับเจ้าของร้านตัวจริง ผู้เป็นทั้งหัวเรี่ยวหัวแรงและจิตวิญญาณของ Jack’s Place แห่งนี้ เขาคือ ‘คุณกบ’ ชายผู้มีเรื่องราวชีวิตที่ไม่ธรรมดา และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บาร์แห่งนี้มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์
เรื่องราวของคุณกบเริ่มต้นที่จังหวัดพิจิตร ดินแดนที่เขาถือกำเนิดในประเทศไทย ก่อนที่ชีวิตจะพลิกผันครั้งใหญ่เมื่อวัยเพียง 9 ขวบ เขาได้ติดตามคุณแม่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใครๆเรียกว่าดินแดนแห่งโอกาส
และที่นั่นเองที่กลายเป็นบ้านหลังที่สองของเขา เป็นสถานที่ที่เขาเติบโตเรียนรู้ ได้รับสัญชาติอเมริกันและเป็นบ้านหลักที่เขาใช้ชีวิตอยู่นานเกือบ 50 ปี จนซึมซับวัฒนธรรมตะวันตกไว้อย่างเต็มเปี่ยม


แต่ถึงแม้จะใช้ชีวิตและเติบโตในอีกซีกโลกมาค่อนชีวิตลึกๆแล้วสายใยความเป็นไทยและรากเหง้าของตัวเองยังคงผูกพันเขาไว้เสมอ เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ประกอบกับปัจจัยหลายๆอย่างที่ลงตัว และการได้พบกับ ‘คุณก้อ’ คู่ชีวิตผู้ร่วมฝันที่คอยสนับสนุนคุณกบตัดสินใจเลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตในบั้นปลายในประเทศเกิด
แต่ไม่ใช่เมืองอันวุ่นวาย เช่นกรุงเทพฯ หรือพัทยา หรือแม้แต่บ้านเกิดที่พิจิตร แต่กลับเป็นอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่คุณกบและคุณก้อได้เจอกัน อำเภอที่ใครหลายคนอาจมองว่าเงียบสงบแห่งนี้นี่เอง
ก่อนที่จะกลับมาลงหลักปักฐานที่พาน ต้องบอกว่าชีวิตการทำงานของคุณกบนั้นโลดโผนและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัส เขาเคยทำงานให้กับองค์กรระดับโลกอย่าง องค์การสหประชาชาติ (United Nations – UN) ในระดับตำแหน่งผู้จัดการภาคสนาม ซึ่งลักษณะงานเช่นนี้นี่เองที่พาเขาเดินทางไปประจำการในพื้นที่ต่างๆทั่วทุกมุมโลก
หลายแห่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายสูง ทั้งในแง่ของสถานการณ์ความขัดแย้ง ภัยพิบัติ ชีวิตความเป็นอยู่ หรือความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษาอย่างสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็น อัฟกานิสถาน, Nauru (ประเทศเกาะเล็กๆ ในไมโครนีเซียที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อซึ่งคุณกบได้ไปประจำอยู่ถึง 3 ปี), พม่า, อินโดนีเซีย, บังคลาเทศ, ปากีสถาน, เนปาล และอีกมากมายนับไม่ถ้วน การไปประจำการแต่ละครั้งหมายถึงการใช้ชีวิต กินอยู่ และทำงานในพื้นที่นั้นๆเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
ประสบการณ์อันเข้มข้นเหล่านี้เองที่หล่อหลอมให้คุณกบกลายเป็นคนที่มีมุมมองต่อโลกที่กว้างขวาง มีความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง เขาได้เห็น ได้สัมผัส ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่คนส่วนใหญ่อาจเคยเห็นแค่ในข่าวหรือภาพยนตร์ เขาเป็นคนที่สามารถถูกเรียกว่า ‘International’ อย่างแท้จริง ผ่านร้อนผ่านหนาวและเผชิญสถานการณ์มาแล้วนับไม่ถ้วน
ด้วยเหตุนี้ การเดินทางและการทำงานในหลากหลายบทบาทจึงทำให้คุณกบเป็นนักสนทนาที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถชวนคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้แทบทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องราวสถานการณ์โลก การเมือง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ไปจนถึงเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
หรือแม้แต่เรื่องเฉพาะทางบางอย่าง เจ้าตัวมักจะถ่อมตัวและพูดติดตลกว่าตัวเองเป็นเหมือน ‘jack of all trades’ ซึ่งเป็นสำนวนฝรั่งที่หมายถึงคนที่ทำได้หลายอย่าง รู้หลายเรื่อง แต่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้นั่งพูดคุยกับเขา ผมกลับพบว่าความรู้รอบตัวของคุณกบนั้นน่าทึ่งและไปไกลกว่าคำว่า ‘รู้แบบเป็ดๆ’ มาก มีครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับภาวะ Dyslexia (ภาวะบกพร่องในการอ่านและการเรียนรู้ภาษา) ซึ่งเป็นภาวะที่ผมประสบอยู่เป็นการส่วนตัว
ผมค่อนข้างประหลาดใจที่คุณกบไม่เพียงแต่รู้จักคำศัพท์เฉพาะทางคำนี้ แต่ยังมีความเข้าใจถึงลักษณะอาการ ความยากลำบาก และความรู้สึกของผู้ที่มีภาวะนี้ด้วย ลองคิดดูสิครับว่า ในชีวิตประจำวันจะมีคนไทยสักกี่คน (ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์หรือการศึกษาโดยตรง) ที่รู้จักและเข้าใจเรื่อง Dyslexia อย่างถ่องแท้ สำหรับผมแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเรื่องนี้โดยไม่ต้องอธิบายยืดยาวเลยครับ
ยังไม่หมดแค่นั้น เรื่องราวในอดีตของคุณกบยังมีมุมที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีก ช่วงหนึ่งของการใช้ชีวิตในอเมริกา เขายังเคยทำงานพิเศษในส่วนต้อนรับ (Hospitality/Reception) ของโรงละครที่เป็นสถานที่จัดงานประกาศผลรางวัลยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง รางวัลออสการ์ (Oscars Awards) อยู่หลายปี ทำให้มีโอกาสได้พบปะและกระทบไหล่ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังมาบ้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสีสันและประสบการณ์ที่เขาเก็บเกี่ยวมาตลอดชีวิต
คุณกบจึงเป็นมากกว่าเจ้าของบาร์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง เขาคือคลังเรื่องเล่าเคลื่อนที่ คือหน้าต่างสู่โลกกว้างที่เก็บซ่อนเรื่องราวอันน่าทึ่งไว้มากมาย การได้นั่งลงจิบเครื่องดื่มและพูดคุยกับเขา ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จึงเปรียบเสมือนการได้เปิดอ่านหนังสือเล่มหนาที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิตอันล้ำค่า เป็นอีกหนึ่งความพิเศษสุด ที่คุณจะหาได้จาก Jack’s Place ณ อำเภอพานแห่งนี้เท่านั้นครับ
พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว: ทุกตารางนิ้วในร้านคือเรื่องราวและความทรงจำ
ก้าวแรกที่คุณเหยียบย่างเข้าไปใน Jack’s Place สิ่งหนึ่งที่จะสะกดสายตาและดึงดูดความสนใจของคุณได้ทันที นอกเหนือไปจากบรรยากาศอันเป็นกันเอง เสียงเพลงยุคเก่าที่ขับกล่อม และเจ้า Jack สี่ขาที่อาจจะเดินมาทักทาย ก็คือ ‘ของตกแต่ง’ ที่อัดแน่นอยู่แทบทุกตารางนิ้วของร้าน
ตั้งแต่ผนังจรดเพดาน บนชั้นวาง หรือแม้กระทั่งห้อยระย้าลงมา แต่นี่ไม่ใช่ของประดับสวยหรูที่หาซื้อได้ตามร้านขายของแต่งบ้านทั่วไป หรือของตกแต่งสำเร็จรูปที่สั่งมาเพื่อสร้างธีม เพราะที่นี่เปรียบเสมือน ‘พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว’ ของคุณกบ เจ้าของร้าน ที่ทุกชิ้นล้วนมีเรื่องราว มีความทรงจำ และมีชีวิตชีวาเป็นของตัวเอง
ของนับพันชิ้นที่คุณเห็นในร้านไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กจิ๋วเท่าเหรียญบาทอย่างเข็มกลัด หรือนามบัตรเก่าๆ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่อย่างจักรยานทั้งคันที่แขวนเด่นเป็นสง่า ล้วนเป็นสมบัติส่วนตัวที่คุณกบเก็บสะสมมาตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานและเต็มไปด้วยการเดินทางของเขาจริงๆ ครับ
มันคือการรวบรวมความทรงจำตั้งแต่วัยเยาว์ สมัยยังเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบที่เริ่มมีของเล่นชิ้นโปรด ผ่านช่วงวัยรุ่นในอเมริกา จนกระทั่งเข้าสู่วัยทำงานที่ต้องเดินทางไปประจำการในดินแดนห่างไกลทั่วโลกในฐานะเจ้าหน้าที่ UN และต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจกลับมาลงหลักปักฐานที่อำเภอพานแห่งนี้
ลองกวาดสายตามองไปรอบๆ คุณจะพบกับความหลากหลายที่น่าทึ่ง แต่ละชิ้นเหมือนกระซิบเล่าเรื่องราวของตัวเอง มีทั้งอุปกรณ์แคมป์ที่ผ่านการใช้งานจริงในภาคสนามหรือพื้นที่ทุรกันดาร, อุปกรณ์ยังชีพต่าง (Survival Gear), นามบัตรของตัวคุณกบเองจากองค์ต่างๆช่วงเวลาต่างๆกัน, ใบประกาศเกียรติคุณจากองค์กรต่างๆที่เขาเคยร่วมงานด้วย, เงินธนบัตรและเหรียญจากหลายๆประเทศ, ของฝากเล็กๆ น้อยๆ (Novelty items) ที่เพื่อนฝูงจากทั่วโลกมอบให้, รูปถ่ายเก่าๆ ที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญและสถานที่ที่เคยไปเยือน และอื่นๆ อีกมากมายจนแทบไม่อาจบรรยายได้หมด
ท่ามกลางของสะสมเหล่านั้น มีจักรยานคันหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แขวนอยู่บนผนัง มันคือจักรยานที่คุณกบเคยใช้ขี่เล่นจริงๆ สมัยยังเป็นเด็กอยู่ที่อเมริกาในช่วงยุคปี 1980 ลองจินตนาการดูสิครับว่า จักรยานที่ผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ คุณกบได้ขนส่งมันข้ามน้ำข้ามทะเลจากอเมริกากลับมายังประเทศไทยด้วย! มันจึงไม่ใช่แค่จักรยานเก่าๆ คันหนึ่ง แต่เป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความทรงจำในวัยเยาว์ เป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางข้ามผ่านช่วงเวลาและสถานที่ ที่ตั้งตระหง่านให้เราได้เห็นอยู่ในร้าน








แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เศษหินธรรมดาๆ แต่อาจทำให้หลายคนต้องหยุดพิจารณาเป็นพิเศษ และอาจจุดประกายคำถามหรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่หลากหลาย นั่นคือเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ที่คุณกบเชื่อมั่นและได้ข้อมูลมาว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ‘พระพุทธรูปแห่งบามียาน’ (Buddhas of Bamiyan) ในประเทศอัฟกานิสถาน โบราณสถานอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์โลก ซึ่งเป็นที่น่าเศร้าอย่างยิ่งที่ถูกกลุ่มตาลีบันทำลายลงในปี ค.ศ. 2001
คุณกบเล่าถึงการพบและซื้อเศษชิ้นส่วนนี้จากตลาดท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอัฟกานิสถาน หลังเหตุการณ์ทำลายล้างไปแล้วหลายปี เขาตรวจสอบเบื้องต้นทั้งลักษณะทางกายภาพและที่มา จึงเชื่อว่าเป็นของจริง และเก็บรักษาไว้อย่างน้อยก็ได้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไว้ที่ Jack’s Place ที่สะท้อนถึงการสูญเสียมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของมวลมนุษย์ ชิ้นส่วนนี้ยังเป็นเครื่องเตือนถึงความเปราะบางของประวัติศาสตร์ และจุดเริ่มต้นบทสนทนาเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญของโลก แม้เป็นประเด็นอ่อนไหวที่ต้องเข้าใจบริบท
ทุกซอกทุกมุมของ Jack’s Place จึงไม่ใช่แค่ผนังหรือชั้นวางของที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่มันคือหน้ากระดาษจากบันทึกชีวิตของคุณกบที่เปิดให้เราได้อ่าน การได้เดินชมของเหล่านี้พลางจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด
เหมือนกับการได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสเรื่องราวการเดินทาง การทำงาน ความผูกพัน และความทรงจำของเขากับสิ่งของแต่ละชิ้น มันคือเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากบาร์แห่งไหน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเจ้าของพร้อมเสมอที่จะแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังอันน่าทึ่งของวัตถุแต่ละชิ้น หากคุณลองเอ่ยปากถามไถ่ด้วยความสนใจครับ
จากความฝันสู่ความจริง: ทำไมต้องที่ ‘พาน’?
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักตัวตนของคุณกบ เจ้าของร้านผู้มีประสบการณ์ชีวิตโชกโชน ได้ตื่นตาตื่นใจไปกับของสะสมนับพันชิ้นที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวในบทที่แล้ว และได้สัมผัสบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครของ Jack’s Place แล้ว คำถามสำคัญข้อหนึ่งที่อาจจะยังคงค้างคาและวนเวียนอยู่ในใจของผมก็คือ… ทำไมต้องเป็นที่นี่? ทำไมต้องเป็น ‘อำเภอพาน’? ทั้งๆที่คุณกบก็ไม่ใช่คนเชียงรายโดยกำเนิด
เมืองเล็กๆ ที่ดูภายนอกแสนจะเงียบสงบ เรียบง่าย ห่างไกลจากแสงสีและความพลุกพล่าน ไม่น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางแรกๆ หรือแม้แต่ตัวเลือกท้ายๆ ที่ใครจะนึกถึงสำหรับการเปิดบาร์สไตล์ตะวันตกแท้ๆ ที่มีทั้งความเก๋า ความดิบ และเต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิตระดับนานาชาติเช่นนี้ อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจที่ดูเหมือนจะ ‘สวนกระแส’ นี้
คำตอบนั้นต้องย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นในวัยเยาว์ของคุณกบ ความฝันเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นในใจเด็กชายคนหนึ่ง เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายหลายๆ คน (หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคน) การมีบาร์เท่ๆ บรรยากาศดีๆ สักแห่งเป็นของตัวเอง เขาเก็บภาพฝันนี้ไว้ในใจมาตลอด แม้ช่วงวัย การงาน และการเดินทางต่างแดนจะทำให้มันเลือนลางลงบ้าง แต่ก็ไม่เคยดับสนิทลงไปเลย
จนกระทั่งชีวิตเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ จุดที่เขารู้สึกว่าถึงเวลาต้องพักจากการเดินทางและการทำงานที่ท้าทายรอบโลก เมื่อเขามี ‘ทุนพอ’ ทั้งในแง่ของทรัพยากรทางการเงินที่เก็บหอมรอมริบมา และที่สำคัญคือ ‘ทุนชีวิต’ อันได้แก่ประสบการณ์ ความรู้ และความเข้าใจโลกที่สั่งสมมาเกือบครึ่งศตวรรษ ความฝันเก่าแก่ในวัยเยาว์ก็ถูกปลุกขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง และคราวนี้ เขาไม่ได้แค่ฝัน แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้
แล้วทำไมจุดหมายปลายทางของความฝันนี้ต้องเป็น ‘พาน’? คำตอบนั้นผูกพันอย่างลึกซึ้งกับการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณกบ นั่นคือการเลือก อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็น ‘บ้าน’ หลังสุดท้ายสำหรับชีวิตในวัยเกษียณ ของเขาครับ ไม่ใช่แค่การมาพักผ่อนชั่วครั้งชั่วคราว หรือหาที่หลบมุมเงียบๆ เป็นครั้งคราว แต่คือการตัดสินใจลงหลักปักฐานอย่างถาวร
เขาได้วางแผนชีวิตไว้อย่างชัดเจน มีการจัดการขายทรัพย์สินและบ้านที่เคยมี ทั้งในบ้านเกิดที่จังหวัดพิจิตร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่เกือบ 50 ปี เพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง ณ อำเภอเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศไทยแห่งนี้
และเชียงรายไม่ได้มอบเพียงแค่ “บ้าน” ให้กับคุณกบเท่านั้น แต่ยังมอบสิ่งสำคัญที่ขาดหายไปในชีวิตเขามานาน นั่นคือ “คู่ชีวิต” ที่นี่เองที่คุณกบได้พบกับคุณก้อ หญิงสาวที่กลายมาเป็นภรรยาคู่ชีวิตของเขา แม้คุณก้อจะเป็นคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิด แต่เธอได้ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงรายมาหลายปีจนอู้เหนือได้คล่องและมีสำเนียงเหนือแท้ๆ ราวกับเป็นคนท้องถิ่น
หลังจากที่ทั้งคู่ได้คบหากันระยะหนึ่ง พวกเขาก็ค้นพบความบังเอิญที่แสนพิเศษ นั่นคือทั้งคู่มีความฝันที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ กล่าวคือต่างก็มีเป้าหมายในชีวิตที่อยากเปิดร้านอาหารหรือบาร์เป็นของตัวเอง
อีกทั้งยังมีนิสัยเหมือนกันตรงที่ชอบทำอาหาร โดยเฉพาะคุณก้อที่มีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหารเหนือ อีสาน กลางหรือใต้ เธอสามารถทำได้หมด เพียงแค่มีวัตถุดิบอยู่ในมือ
อาจจะไม่มีเหตุผลในเชิงกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน หรือการวิเคราะห์กำลังซื้อที่ซับซ้อน ว่าทำไมต้องเป็นเมืองที่ดูเงียบสงบแห่งนี้ แต่สำหรับคุณกบแล้ว อำเภอพานอาจจะมี ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ตอบโจทย์ชีวิตในแบบของเขา อาจจะเป็นความสงบที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ ผู้คนที่เป็นมิตร หรือจังหวะชีวิตที่ไม่เร่งรีบ ซึ่งทำให้เขารู้สึกถูกชะตาและเลือกที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย
จะด้วยความบังเอิญ ความลงตัว จังหวะชีวิต จังหวะเวลา หรือแม้แต่โชคชะตาที่นำพาให้คุณกบและคุณก้อมาพบกัน ความฝันที่ตรงกัน เวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ จนทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจทำในสิ่งที่คนทั่วไปอาจไม่คิดจะทำ นั่นคือการเปิดร้านอาหาร/บาร์สไตล์ฝรั่งแนว Dive Bar ที่ชื่อ Jack’s Place ในเมืองเงียบสงบอย่างอำเภอพานแห่งนี้
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่ที่นี่ การสร้างบาร์ในฝันให้เป็นจริงขึ้นมา ณ สถานที่ที่เขาเรียกว่า ‘บ้าน’ ร่วมกับคู่ชีวิตที่มีความฝันเดียวกัน จึงกลายเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดในมุมมองของพวกเขา


ดังนั้น การเปิด Jack’s Place จึงไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายทางธุรกิจหรือตัวเลขกำไรเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน แต่มันคือการทำตาม ‘Passion’ หรือความหลงใหลส่วนตัวอย่างแท้จริง มันคือการสร้างพื้นที่ที่สะท้อนตัวตน เรื่องราว ความทรงจำ และความฝันของพวกเขาออกมาให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เป็นการเติมเต็มความฝันที่รอคอยมานานของทั้งคู่
หลังจากที่ได้มีโอกาสลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่คุณก้อเป็นผู้ปรุง คุณจะยอมรับได้ทันทีว่าเธอมีพรสวรรค์ในการทำอาหารอย่างแท้จริง อาหารทุกเมนูล้วนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเหนือ กลาง อีสาน หรือใต้ โดยเธอถนัดในการปรุงอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน ถึงเครื่อง และยังคงยึดมั่นในการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีเสมอ
นอกจากฝีมือการทำอาหารแล้ว คุณก้อยังมีอัธยาศัยที่ดีเยี่ยม คอยต้อนรับขับสู้ลูกค้าทุกคนด้วยรอยยิ้มและความจริงใจ เสริมกับบุคลิกของคุณกบได้อย่างลงตัว จนมีคนเล่าลือกันว่า ถ้าเป็นเรื่องการต้อนรับลูกค้าในเมืองพาน สองคนนี้กินขาดไม่มีใครเทียบ
และที่สำคัญไม่แพ้กัน การตัดสินใจเปิดร้านนี้ยังเป็นการมอบชีวิตใหม่ให้กับ ‘พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว’ ของคุณกบอีกด้วย ลองนึกภาพตามนะครับ ของสะสมล้ำค่าทางจิตใจนับพันชิ้นที่เก็บเกี่ยวมาจากการเดินทางทั่วโลก
หากไม่ได้ถูกนำมาจัดแสดง แบ่งปันเรื่องราว ณ ที่แห่งนี้ ก็อาจจะต้องนอนนิ่งๆถูกเก็บไว้ในลัง กลายเป็นเพียงวัตถุที่เก็บฝุ่นและรอวันเลือนหายไปตามกาลเวลา Jack’s Place จึงกลายเป็นเสมือนเวทีที่สมบูรณ์แบบ เป็นบ้านหลังใหม่ที่ให้ของทุกชิ้นได้กลับมามีบทบาท ได้สื่อสาร และได้บอกเล่าเรื่องราวในตัวเองให้ผู้มาเยือนได้รับรู้อีกครั้ง (ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณกบเคยเปรยไว้ว่า หากไม่มีเจ้า Jack และไม่ได้เปิดร้านนี้ ของเหล่านี้ก็คงเป็นแค่ของเก็บฝุ่นจริงๆ)
Jack’s Place ในอำเภอพาน จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากสูตรสำเร็จทางธุรกิจ หรือการคำนวณผลกำไรขาดทุนเป็นหลัก แต่ถือกำเนิดขึ้นจากความฝันอันยาวนาน การตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือก ‘บ้าน’ หลังสุดท้าย และความรัก ความหลงใหลในสิ่งที่อยากจะทำอย่างแท้จริง
และที่สำคัญมันเกิดจากความลงตัวของคู่ชีวิตที่มีความฝันและความถนัดเสริมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบระหว่างคุณกบและคุณก้อ นี่คือคำตอบว่าทำไมบาร์สไตล์นี้ถึงมาซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้อย่างน่าประหลาดใจ และทำไมมันถึงได้มีจิตวิญญาณ มีเสน่ห์ และมีความจริงใจที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดประตูเข้าไป
โอเอซิส (Oasis) สำหรับคนรู้ใจ: บรรยากาศและความเป็นกันเอง
หลังจากที่เราได้สำรวจที่มาที่ไปอันน่าทึ่งของคุณกบ เจ้าของร้านผู้มากประสบการณ์ชีวิต และตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่งร้านที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวที่รวบรวมเรื่องราวจากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้ในบทก่อนหน้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยเมื่อได้ก้าวเข้ามาใน Jack’s Place คือความรู้สึกเหมือนได้ค้นพบ ‘อัญมณีที่ซ่อนอยู่’ หรือ Hidden Gem ที่แท้จริง
ท่ามกลางความเงียบสงบ เรียบง่ายของอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเพียงเมืองทางผ่าน หรือเมืองเล็กๆ ที่ชีวิตดำเนินไปอย่างเชื่องช้า การมีบาร์สไตล์ฝรั่งแท้ๆ ที่นี่ ไม่ใช่แค่เรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและสร้างความประหลาดใจได้ในระดับที่คาดไม่ถึง
บรรยากาศภายในร้านไม่ใช่ความหรูหราฟู่ฟ่าแบบที่ตั้งใจจะอวดอ้าง แต่เป็นความอบอุ่น เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในแบบของตัวเองทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามา คุณจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นบาร์ฝรั่งที่ไม่ได้ปรุงแต่งจนเกินจริง ผสมผสานกับความรู้สึกสบายๆ เหมือนได้เข้ามานั่งเล่นในบ้านเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ
เสียงเพลงที่คลอเบาๆ ส่วนใหญ่เป็นเพลงยุค 80s และ 90s ที่เราคุ้นเคย อาจจะมีเร็กเก้เข้ามาสร้างสีสันเป็นบางครั้งคราว มันไม่ใช่เสียงเพลงที่ดังจนหนวกหู แต่เป็นซาวด์แทร็กของการผ่อนคลาย การพูดคุย หรือการนั่งคิดอะไรเพลินๆ คนเดียว ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในอดีต หรือบางทีก็แค่ทำให้บรรยากาศภายในร้านมีจังหวะ มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ท่ามกลางข้าวของนับพันชิ้นที่ประดับประดาอยู่รอบกาย ตั้งแต่เพดานจรดพื้น ผนังทุกด้านเต็มไปด้วยเรื่องราว มันสร้างบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครจริงๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบาร์เล็กๆ สักแห่งในเมืองรองของประเทศตะวันตก ที่ไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยวหลัก แต่อยู่ในย่านที่คนท้องถิ่นจริงๆ เขาไปรวมตัวกัน ที่นี่คือ Dive Bar ในความหมายที่ลึกซึ้งกว่าแค่ความทรุดโทรม
ไม่ใช่ Dive Bar ในความหมายที่อาจจะดูเก่า โทรม หรือไม่มีคุณภาพ แต่เป็น Dive Bar ในความหมายของบาร์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีเรื่องราว มีเอกลักษณ์ เป็นที่รวมตัวของผู้คนที่ต้องการบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องวางฟอร์ม เป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น และ Jack’s Place ก็ยกระดับนิยามนี้ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยคุณภาพของอาหาร เครื่องดื่ม และความใส่ใจของเจ้าของร้าน ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ใน Dive Bar ทั่วไป







ที่นี่คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ ทั่วไปในเมืองไทย เป็นความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว แต่ในขณะเดียวกันก็มีชีวิตชีวา มีพื้นที่ให้ได้คิด ได้พัก หรือได้พูดคุยอย่างออกรสชาติ ราวกับว่าเวลาในร้านเดินช้าลงเล็กน้อย เปิดโอกาสให้เราได้สูดหายใจลึกๆ และปล่อยวางจากเรื่องวุ่นวายภายนอก
ในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมืองที่ภาพจำคือความสงบ ความเรียบง่าย บรรยากาศแบบนี้คือสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ยากจนถึงขั้นที่ว่าบางทีเราอาจจะต้องออกไปถึงตัวเมืองเชียงราย หรือแม้แต่เมืองใหญ่ๆอื่นๆ
ถึงจะพอมีร้านที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียง แต่ที่ Jack’s Place มันมีความเป็น ‘ของจริง’ ที่สัมผัสได้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป อาจเป็นเพราะเรื่องราวชีวิตของเจ้าของที่หล่อหลอมตัวตนของร้านนี้ หรือเพราะข้าวของทุกชิ้นที่อยู่ที่นี่มีที่มา มีเรื่องเล่า มีจิตวิญญาณของตัวเอง ไม่ใช่แค่การจำลองบรรยากาศ มันทำให้ที่นี่มีชีวิต ไม่ใช่แค่ตึกหรือพื้นที่ว่างๆ
หัวใจสำคัญที่ทำให้บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง และมีเสน่ห์ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องยกให้กับ ‘คุณกบ’ เจ้าของร้าน เขาคือคนที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้มีชีวิตชีวา ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย การเดินทางไปมาทั่วโลก การได้พบปะผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่างมากมายหลายสิบปี ทำให้คุณกบเป็นคนที่มีมุมมองที่น่าสนใจ มีเรื่องเล่าไม่รู้จบ และที่สำคัญ เขาเป็นนักฟังที่ดีเยี่ยม เป็นคนที่ทำให้ทุกคนที่เข้ามาในร้านรู้สึกสบายใจ
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจมาที่ Jack’s Place คนเดียว เพื่อหาที่เงียบๆ นั่งพักผ่อน หรือจะมากับเพื่อนฝูง เพื่อสังสรรค์ พูดคุย คุณจะไม่รู้สึกเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะหากเลือกที่จะนั่งที่บาร์และพูดคุยกับคุณกบ เขาพร้อมที่จะดูแล ให้คำแนะนำเรื่องเครื่องดื่ม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในร้าน หรือเพียงแค่นั่งเงียบๆ เป็นเพื่อน หากคุณต้องการพื้นที่ส่วนตัว ไม่ต้องมีบทสนทนาอะไรมากมาย
การมาคนเดียวที่ Jack’s Place จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล ตรงกันข้าม มันอาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการได้สัมผัสกับบรรยากาศและความเป็นกันเองของที่นี่อย่างเต็มที่ คุณกบและเจ้า Jack (สุนัขเฟรนช์ บูลด็อกผู้เป็นเจ้าของชื่อร้านตัวจริง ที่มักจะนอนหลับสบายอยู่ในร้าน หรือเดินมาต้อนรับแขกอย่างเป็นมิตร) จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้มาเยี่ยมบ้านเพื่อนเก่า ที่นี่คือพื้นที่ที่คุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำตัวอย่างไร
Jack’s Place จึงเป็นได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นมุมสงบสำหรับคนที่ต้องการหลบหนีจากความวุ่นวายของงาน หรือชีวิตประจำวัน เป็นจุดพักผ่อนแบบส่วนตัวที่ให้คุณได้อยู่กับตัวเองท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร เป็นจุดนัดพบที่อบอุ่น เป็นกันเองสำหรับเพื่อนฝูงที่ต้องการใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน หรือแม้แต่เป็น ‘บ้าน’ หลังที่สองสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศแบบบาร์ตะวันตกที่คุ้นเคยแต่หาได้ยากยิ่งในพื้นที่นี้
ความสบายใจที่ไม่ต้องเคอะเขินหากต้องมาคนเดียว ความเป็นกันเองของเจ้าของร้าน การดูแลเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ทำให้ Jack’s Place ไม่ใช่แค่ร้านอาหารหรือบาร์ แต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความทรงจำ และความรู้สึกดีๆ เป็นโอเอซิสที่ซ่อนอยู่ในอำเภอพาน รอให้คนที่ ‘รู้ใจ’ ได้เข้ามาค้นพบและสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้ด้วยตัวเอง
และสิ่งที่ทำให้โอเอซิสแห่งนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ก็คือคุณภาพของเครื่องดื่มและอาหาร ที่จะเล่าถึงในบทต่อไป…
มากกว่าเครื่องดื่มและอาหาร: คุณภาพและความใส่ใจ
หากบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวเบื้องหลังที่น่าทึ่ง และความเป็นกันเองของคุณกบ คือสิ่งที่ทำให้ Jack’s Place เป็น “อัญมณีที่ซ่อนอยู่” ที่น่าค้นหา คุณภาพและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ ก็คือสิ่งที่ทำให้การค้นพบครั้งนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
เริ่มต้นกันที่ฝั่งเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบาร์สไตล์ฝรั่งอย่าง Jack’s Place และเรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับ “คุณกบ” เจ้าของร้าน ผู้ซึ่งสั่งสมประสบการณ์และทักษะมาตลอดหลายสิบปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องค็อกเทล คุณกบมีความสามารถที่น่าทึ่งในการรังสรรค์ค็อกเทลชนิดต่างๆ เรียกได้ว่า หากมีวัตถุดิบครบถ้วน เขาแทบจะสามารถเนรมิตค็อกเทลได้ทุกเมนูบนโลกนี้ที่คุณเคยได้ยินหรือเคยลิ้มลอง
ความพิเศษไม่ได้อยู่ที่แค่ความรู้และความเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่อยู่ที่ทัศนคติและความซื่อสัตย์ต่อรสชาติ หากคุณสั่งค็อกเทลที่อาจจะใช้วัตถุดิบบางอย่างที่ร้านไม่มี คุณกบจะสื่อสารกับคุณอย่างตรงไปตรงมา
เขาจะแจ้งว่าสามารถทำให้ได้ แต่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือใช้วัตถุดิบอื่นที่มีอยู่แทน และจะถามความสมัครใจของคุณก่อนเสมอ นี่ไม่ใช่การลดทอนคุณภาพ แต่เป็นการพยายามมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้ข้อจำกัด
แต่ในทางกลับกัน หากเขาพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีวัตถุดิบใดที่สามารถทดแทนได้โดยไม่ทำให้รสชาติหรือ “จิตวิญญาณ” ของค็อกเทลแก้วนั้นสูญเสียไป หรือทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี เขาจะไม่ฝืนทำ เพราะสำหรับเขาแล้ว คุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด
คุณจะสังเกตได้ถึงความแตกต่างในการรินเครื่องดื่มที่นี่ วัตถุดิบที่ใช้มีคุณภาพดี ไม่มีการ “กั๊กช็อต” เพื่อลดต้นทุนเหมือนที่อาจพบได้ในบางที่ ทุกแก้วถูกทำขึ้นด้วยความใส่ใจในสัดส่วน เพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุลและกลมกล่อม ตามแบบฉบับค็อกเทลคลาสสิกที่คุณกบได้ร่ำเรียนและฝึกฝนมา มันคือการดื่มที่สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ และแน่นอนว่ามันมอบความรื่นรมย์ให้กับค่ำคืนของคุณได้อย่างเต็มที่







ข้ามมาที่เรื่องอาหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ Jack’s Place โดดเด่นและแตกต่างอย่างแท้จริง ที่นี่มีอาหารให้บริการทั้งสไตล์ตะวันตกและอาหารไทย และแต่ละอย่างก็มีเรื่องราวความอร่อยที่ไม่ธรรมดา
สำหรับอาหารตะวันตก แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของคุณกบอีกเช่นกัน ด้วยพื้นเพที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ทำให้เขามีความเข้าใจในรสชาติอาหารตะวันตกอย่างลึกซึ้ง และสามารถทำอาหารตะวันตกได้หลากหลายเมนู ขอเพียงแค่มีวัตถุดิบครบ และเช่นเดียวกับเรื่องค็อกเทล หากมีวัตถุดิบบางอย่างขาดไปสำหรับเมนูที่คุณอยากลอง คุณกบก็มักจะพยายามปรับเปลี่ยน หรือสอบถามคุณก่อนว่าจะใช้วัตถุดิบอื่นทดแทนได้หรือไม่
เรียกได้ว่าเขามักจะพยายามตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด แทบจะไม่ปฏิเสธเมนูที่คุณอยากกิน ถึงแม้จะไม่มีอยู่ในรายการอาหาร (ยกเว้นเมนูที่ต้องใช้วัตถุดิบเฉพาะทางจริงๆ ที่ยากต่อการจัดหาในพื้นที่ เช่น Foie gras เป็นต้น)
มีเรื่องเล่าส่วนตัวที่อยากแบ่งปันเกี่ยวกับความสามารถของคุณกบในการทำอาหารตะวันตก คือผมเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปออสเตรเลียสมัยเรียนมัธยมปลาย และได้ไปเจอร้าน Hot Dog เล็กๆ ข้างทางร้านหนึ่งที่อร่อยมากจริงๆ อร่อยถึงขนาดที่ยอมนั่งรถเมล์ไปหลายกิโลเมตรเพื่อไปกิน Hot Dog เจ้านี้โดยเฉพาะ
หลังจากกลับมาเมืองไทย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี และผมก็พยายามตามหา Hot Dog ที่ให้รสชาติแบบนั้นมาตลอด ลองมาแล้วหลายที่ ทั้งในผับ บาร์ แถวสุขุมวิท ร้านตามตลาดนัดจตุจักร หรือ Food Truck ต่างๆ ก็มีหลายร้านที่อร่อยนะ แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนที่ให้ความรู้สึก “สุดยอด” เหมือนที่เคยกินที่ออสเตรเลีย
คือบางร้านไส้กรอกดี แต่ซอสธรรมดาเหมือนใช้ซอสสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อ บางร้านซอสใช้ได้เลย แต่ไส้กรอกกลับเป็นแบบราคาถูก คุณภาพไม่ดี เละๆ คือ Hot Dog ในไทยหลายๆ ที่มักจะเน้นความ “แฟนซี” ใส่เครื่องอะไรเยอะแยะไปหมด แต่ยังไม่เจอที่ไหนที่เน้นความเรียบง่าย คุณภาพของไส้กรอกและซอสแบบ Hot Dog พื้นฐานจริงๆ
ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณกบฟัง และลองถามเขาเล่นๆ ว่าจะทำ Hot Dog ให้ผมลองได้ไหม คำตอบที่ได้ทำให้ผมประหลาดใจและดีใจมาก เขาตอบว่า “ทำให้กินได้นะ แต่ร้านเราไม่มี Bun (ขนมปังเฉพาะสำหรับ Hot Dog) นะ เมื่อก่อนเคยมี แต่ Hot Dog นี่ไม่มีคนสั่งจริงๆ แล้วในเมนูก็ไม่มีด้วย งั้นเอาอย่างนี้ เอาขนมปังแซนด์วิชแทนได้ไหม?” ผมตอบตกลงทันที และเขาก็ลงมือทำให้
หลังจากได้ลองผมบอกคุณกบไปตรงๆ ว่า “โอเค จะพูดตรงๆ เลยนะ ไม่เอาใจ ไม่ชมแบบอวย” ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เหมือน Hot Dog ที่ผมเคยกินที่ออสเตรเลียเป๊ะๆ (อย่างน้อยมันไม่ได้ใช้ Bun) รสชาตอาจจะไม่เท่ากับที่ผมเคยกินที่ออสเตรเลียเมื่อ 20 ปีก่อน แต่มันคือ Hot Dog ที่ “อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาในรอบ 20 ปี”
ไส้กรอกที่ใช้มีคุณภาพดีเยี่ยม ซอสที่ทำเองก็สุดยอดจริงๆ เครื่องโรยหน้าถึงแม้จะขาดไปบ้าง แต่ก็ใช้ได้ ส่วนขนมปังแซนด์วิชที่ใช้แทน Bun ยอมรับว่ามันเละง่ายไปหน่อย ไม่เหนียวเหมือน Bun แต่โดยรวมทั้งหมดแล้วมันอร่อยมากๆ จริงๆ จุดเด่นมันอยู่ที่คุณภาพของไส้กรอกและซอสโฮมเมดนี่เอง เรื่องนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความใส่ใจในการเลือกใช้วัตถุดิบ และฝีมือการปรุงของคุณกบ ที่สามารถเนรมิตเมนูที่อยู่นอกรายการให้กลายเป็นความประทับใจระดับ 20 ปีได้
สำหรับเมนูอาหารตะวันตกที่โดดเด่น และหลายคนที่มาแล้วควรลอง ต้องยกให้กับเบอร์เกอร์ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์หมู หรือเบอร์เกอร์เนื้อ ที่นี่ทำเบอร์เกอร์ได้รสชาติแบบฝรั่งแท้ๆ เนื้อแน่น ชุ่มฉ่ำ และที่สำคัญมากๆ คือ คุณกบเน้นย้ำว่าที่นี่ให้ปริมาณเนื้อเยอะกว่ามาตรฐานทั่วไป
คือถ้ามาตรฐานทั่วไปเบอร์เกอร์มักจะใช้เนื้อประมาณ 120 กรัม แต่ที่ Jack’s Place ให้เนื้อถึง 150 กรัม ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องความอิ่มอร่อย นอกจากนี้ เมนูตะวันตกอื่นๆ อย่างพาสต้า สปาเก็ตตี้ สลัด ก็รสชาติอร่อยไม่แพ้กัน BBQ Pork Ribs ก็เป็นอีกเมนูที่หลายคนติดใจในความนุ่มและซอสที่เข้มข้น
อีกด้านหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม แม้ร้านจะเป็นสไตล์ฝรั่งจ๋า แต่อาหารไทยที่ Jack’s Place ก็มีเสน่ห์และรสชาติจัดจ้านไม่แพ้กัน ส่วนนี้เป็นฝีมือของคุณแฟนคุณกบ ซึ่งเป็นแม่ครัวมากประสบการณ์ คุณภาพวัตถุดิบที่ใช้ในอาหารไทยก็ดีเยี่ยมเช่นกัน สามารถทำอาหารไทยได้หลากหลายภาค ไม่ว่าจะเป็นอาหารภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ ก็มีเมนูเด็ดที่น่าสนใจให้เลือกชิม นอกจากเมนูหลักแล้ว กับแกล้มแบบไทยๆ อย่างหมูแดดเดียว หรือแหนมซี่โครงทอด ก็มีให้เลือกสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มได้อย่างเพลิดเพลิน
ข้อควรทราบสำหรับอาหารไทยที่นี่ คือด้วยความที่ทำโดยคนไทยที่เน้นรสชาติแบบไทยแท้ๆ หลายเมนูจึงค่อนข้าง “จัดจ้าน” หรือ “แซ่บเครื่อง” คืออาจจะไม่ถึงกับเผ็ดจนกินไม่ได้ แต่เครื่องแกงหรือเครื่องปรุงถึงรสถึงชาติมากๆ หากคุณไม่ทานเผ็ด หรืออยากได้รสชาติแบบไหนเป็นพิเศษ แนะนำให้แจ้งกับคุณกบได้เลย เขาจะบอกแม่ครัว (ซึ่งก็คือคุณแฟน) ให้ปรุงให้ตามที่คุณต้องการ เรียกว่าปรับได้ตามใจลูกค้าจริงๆ
และมาถึงพระเอกของเมนูอาหารฝรั่งที่หลายคนยกนิ้วให้ นั่นก็คือ “สเต็ก” ถ้าคุณเป็นคอสเต็ก แนะนำว่าห้ามพลาดเด็ดขาด Jack’s Place มีสเต็กเนื้อคุณภาพดีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้ง Tomahawk, Striploin, T-bone สเต็กเนื้อแดง (Red Meat) และเนื้อวากิว (Wagyu)
คุณกบเล่าให้ฟังว่าเนื้อส่วนใหญ่เป็นเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียแท้ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สเต็กอร่อย เนื้อดี มีคุณภาพ และที่ทำให้สเต็กที่นี่โดดเด่นยิ่งขึ้น ก็คือฝีมือการปรุงของคุณกบ ที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยอยู่อเมริกา เขารู้จักวิธีย่างเนื้อที่ถูกต้อง ทำให้เนื้อสุกกำลังดี นุ่ม และคงความฉ่ำไว้ได้อย่างครบถ้วน
สเต็กที่นี่ไม่ได้มาแค่เนื้อคุณภาพดีและการย่างที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ยังมาพร้อมกับซอสโฮมเมดที่คุณกบทำเอง ซึ่งใช้วัตถุดิบอย่างดี รสชาติเข้มข้น เข้ากันได้ดีกับเนื้อ หรือจะเลือกซอสอื่นๆ ยี่ห้อชั้นนำที่มีในร้านก็ได้ แต่สิ่งที่ “ห้ามพลาด” และต้องสั่งมาพร้อมกันเลย ก็คือ “มันบด” ผมบอกได้เลยว่ามันบดที่นี่อร่อยกว่าหลายๆ ร้านในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ มันนุ่ม หอมเนย เนียนละเอียด กินคู่กับสเต็กแล้วมันเข้ากันอย่างลงตัว ฟินสุดๆ ไปเลย







อีกเมนูที่อยากแนะนำเป็นพิเศษ และหลายคนอาจจะไม่คาดคิดว่าจะเจอในร้านแบบนี้ หรือถ้ามีก็อาจจะคิดว่าไม่สด นั่นก็คือ “หอยนางรมสด” โดยปกติแล้วร้านอาหารหรือบาร์ทั่วไปไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงกับการมีเมนูหอยนางรม เพราะต้องลงทุนในการจัดหาหอยนางรมที่สดคุณภาพดี การเก็บรักษาก็ยาก ต้องดูแลเป็นพิเศษ และการหาแหล่งหอยสดดีๆ ในเชียงราย โดยเฉพาะในอำเภอพาน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
แต่ที่ Jack’s Place กลับมีหอยนางรมสด และที่สำคัญคือมัน “สดมาก” และ “ฉ่ำมาก” จริงๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไปร้านนี้ไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง ผมสั่งหอยนางรมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 8-9 ครั้ง ไม่เคยผิดหวังเลยในเรื่องความสดและรสชาติ
นอกจากตัวผมเองแล้ว ยังเคยพาเพื่อนที่ชอบหอยนางรมไปด้วย เพื่อนก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าหอยนางรมที่นี่อร่อยมาก และที่สำคัญคือ “สะอาด” ซึ่งคุณกบเล่าว่ามีกระบวนการทำความสะอาดเฉพาะของเขาที่ค่อนข้างจุกจิกใช้เวลา แต่ก็เพื่อต้องการให้มั่นใจว่าเป็นของดีและปลอดภัยจริงๆ

หอยนางรมขายเป็นตัวๆ ตัวละ 49 บาท และมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจคือสั่ง 4 ตัว แถม 1 ตัว หรือที่เรียกว่า “1 ชุด” เอาจริงๆ กับคุณภาพความสดขนาดนี้ ในราคานี้ ถือว่าไม่แพงเลยแม้แต่น้อยสำหรับเมนูนี้ มันเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความใส่ใจของคุณกบในการคัดสรรและนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แม้จะเป็นเมนูที่ท้าทายสำหรับร้านในพื้นที่นี้ก็ตาม
ในส่วนของเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ Jack’s Place ก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจและหลากหลายมาก มีเบียร์ให้เลือกมากมาย ทั้งเบียร์ไทย เบียร์นอก ทั้งที่ผลิตในไทย และเบียร์นำเข้า และที่แปลกตาสำหรับร้านในต่างจังหวัด คือมี “ไซเดอร์” ให้เลือกหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศแต่ยังหาดื่มยากในบ้านเรา
สำหรับเบียร์ คุณกบมีเบียร์ที่บอกได้เลยว่า “หายากมาก” นั่นคือ เบียร์ Carlsberg ไม่ต้องพูดถึงในอำเภอพาน แค่ในจังหวัดเชียงรายทั้งจังหวัด ผมยังสงสัยว่าจะมีสักกี่ร้านที่มีเบียร์นี้
และที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ไม่แพ้กันคือ มีเบียร์ Guinness ด้วย ซึ่งยิ่งหายากกว่า Carlsberg เสียอีกในเชียงราย คุณกบเล่าว่าลูกค้าสั่งน้อย เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่เขาก็ภูมิใจที่ได้เป็นร้านหนึ่งที่มีเบียร์เหล่านี้ไว้บริการ ซึ่งมันยิ่งตอกย้ำสไตล์ของร้านที่ว่า “สไตล์ฝรั่ง” ไม่ได้เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอก
แต่เครื่องดื่มที่ไม่คิดว่าจะมีก็มีให้จริงๆ (อันนี้พูดไปก็อดขำไม่ได้) ส่วนเบียร์ตลาดๆ ที่คนนิยมดื่มทั่วไป ก็มีครบหมด ทั้ง สิงห์ ช้าง ลีโอ ไทเกอร์ ซานมิเกล และยังมีเบียร์ต่างประเทศอื่นๆ ที่อาจจะมีการผลิตในเอเชีย เช่น Budweiser, Corona (ผลิตที่จีน) เบียร์ญี่ปุ่นอย่าง Sapporo, Kirin (ผลิตที่จีน) และ Asahi (ผลิตที่ไทย) ก็มีให้เลือก
หากมาที่ร้านนี้แล้วอยากจะดื่มอะไรที่ให้ความรู้สึก “ฝรั่ง” หรืออยากลองอะไรที่แตกต่างจากเบียร์ทั่วไป “ไวน์” ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ Jack’s Place น่าจะเป็นร้านหนึ่ง หรืออาจจะเป็นร้านเดียวในอำเภอพาน ที่มีรายการไวน์หลากหลายที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์จาก “โลกใหม่” โดยเฉพาะจากประเทศอเมริกา นำเข้าโดยตรงอย่างแบรนด์ Robert Mondavi
นอกจากนี้ก็มีไวน์จากประเทศอื่นๆ ทั้งจากยุโรปอย่างฝรั่งเศส อิตาลี หรือจากโลกใหม่อย่างออสเตรเลีย ชิลี ก็มีให้เลือกเยอะพอสมควร แต่หลักๆ คุณกบจะเน้นไวน์จากอเมริกามากกว่า ซึ่งตรงกับสไตล์และพื้นเพของเขา





มาถึงเรื่อง “ราคา” ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนอาจจะมองเป็นสิ่งแรก เมื่อเห็นราคาในเมนูของ Jack’s Place ต้องยอมรับว่า ด้วยความที่ร้านนี้เน้นคุณภาพ ใช้วัตถุดิบที่ดี หลายอย่างเป็นของนำเข้า รวมถึงความใส่ใจในการเตรียมและบริการราคาจึงไม่ใช่ราคาแบบ “บ้านๆ” ทั่วไป แต่จะเป็นราคาที่ “เหมาะสมกับคุณภาพ” ที่ได้รับ
ซึ่งนั่นหมายความว่าราคาอาจจะสูงกว่าร้านอาหารหรือบาร์ทั่วไปที่คุณพบเห็นในพื้นที่ แต่ที่สูงกว่านั้น มาจากคุณภาพของวัตถุดิบ ของที่ใช้ ปริมาณที่ให้ รวมถึงประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครที่ได้รับ
อาจจะมีคนคิดว่าร้านนี้ “แพง” เพราะเห็นราคาแล้วนำไปเปรียบเทียบกับร้านอาหารทั่วไปในจังหวัด หรือในอำเภอรอบนอก ซึ่งแน่นอนว่ารายได้และกำลังซื้อในพื้นที่อาจจะไม่สูงเท่าในเมืองใหญ่ หรือกรุงเทพฯ และเมนูอย่างสเต็กเนื้อนำเข้า หรือหอยนางรม อาจไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่คุ้นเคยหรือกินเป็นประจำ หากเอาราคานี้ไปให้ชาวบ้านดู เขาก็อาจจะบอกว่าแพงก็ได้
แต่สำหรับคนที่มองหาคุณภาพ มองหาวัตถุดิบที่ดี หรือเป็นคนที่ชื่นชอบสเต็กคุณภาพสูง หอยนางรมสดๆ หรือเครื่องดื่มหลากหลายชนิด และเข้าใจเรื่องต้นทุนของวัตถุดิบคุณภาพดี การบริการ และบรรยากาศที่หาได้ยากยิ่งในพื้นที่แบบนี้ ราคาที่ Jack’s Place ถือว่า “ไม่แพงเลย” เมื่อเทียบกับปริมาณ คุณภาพ และประสบการณ์ที่ได้รับ
ยกตัวอย่างสเต็ก Tomahawk, T-bone หรือ Wagyu ในราคาที่เห็นในเมนู เมื่อผมส่งรูปให้เพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ และเป็นคอสเต็กตัวยง เพื่อนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ราคานี้ถูกมากสำหรับเนื้อนำเข้าคุณภาพขนาดนี้” เพื่อนให้ความเห็นว่าที่คนในพื้นถิ่นอาจจะมองว่าแพงเพราะร้านไปอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด อำเภอรอบนอก และไม่ใช่เมนูที่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่คุ้นเคย แต่สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้าใจเรื่องคุณภาพและต้นทุน ราคาถือว่าสมเหตุสมผลมาก หรืออาจจะถึงขั้น “ถูก” ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมนูอย่างสเต็ก และหอยนางรม ที่ราคาถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้
ในส่วนตัวผมเอง มองว่าราคาที่ Jack’s Place เป็นราคาที่รับได้สบายๆ หรือบางเมนูอาจจะถึงขั้นถูกเลยด้วยซ้ำสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ให้คุณค่ากับคุณภาพ อย่างสเต็กและหอยนางรมถือว่าคุ้มค่ามากๆ ส่วนอาหารไทยนี่บอกได้เลยว่าปริมาณ “จานเบ้อเร่อ” ทานได้หลายคนเลยทีเดียว
แน่นอนว่า Jack’s Place ไม่ใช่ร้านที่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการแบ่งแยกชนชั้นอะไรกัน เพียงแต่ต้องการสื่อสารว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอาจไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการเน้นดื่มเบียร์ราคาถูกเพื่อให้เมาเร็วๆ แต่ร้านนี้เปิดกว้างสำหรับทุกคน ทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสบรรยากาศและเลือกกินดื่มได้ตามงบประมาณและความต้องการของตัวเอง
สรุปง่ายๆ ว่า Jack’s Place ถ้ามองแค่ราคาในเมนูแล้วนำไปเปรียบเทียบกับร้านอาหารทั่วไปในพื้นที่ อาจจะดูสูงกว่า แต่หากพิจารณาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของวัตถุดิบ (หลายอย่างนำเข้า), ปริมาณที่ให้, ความใส่ใจในทุกขั้นตอนการปรุง, รสชาติที่โดดเด่น, บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์, และการที่มีหลายเมนูที่ปกติแล้วจะหาได้เฉพาะในโรงแรมหรือภัตตาคารชั้นนำเท่านั้น เมื่อเทียบ “หน่วยต่อหน่วย” แล้ว Jack’s Place เป็นร้านที่ราคาสมเหตุสมผลมากจริงๆ
ย้อนกลับไปที่ราคาสเต็กวากิว จานละ 499 บาท อย่าลืมว่านี่คือเนื้อวากิว ซึ่งเนื้อสด เนื้อริบอายวากิวไทยขายส่งก็กิโลกรัมละ 2400 บาทขึ้นไปแล้ว ส่วนวากิวญี่ปุ่นคุณภาพสูงก็กิโลกรัมละ 3600 บาทขึ้นไป การขายในราคาดังกล่าว คุณกบอาจจะไม่ได้กำไรมากมายนักต่อจาน หากคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งค่าตกแต่ง ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าน้ำ เรื่องราคาจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาตัดสินร้านนี้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาจาก “คุณค่า” และ “ประสบการณ์” โดยรวมที่ได้รับ
Jack’s Place มอบมากกว่าแค่เครื่องดื่มและอาหาร แต่มอบความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การปรุง การบริการ และการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ที่นี่คือบทสรุปของประสบการณ์ การเดินทาง และความตั้งใจของคุณกบ ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านทุกเมนูที่เสิร์ฟ และทุกแก้วที่ริน มันคือคุณภาพและความใส่ใจที่หาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในทำเลแบบนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ Jack’s Place เป็นมากกว่าร้านอาหารหรือบาร์ แต่มันคือความทรงจำดีๆ ที่ปรุงแต่งขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน
บทสรุป: ความทรงจำดีๆ ที่ Jack’s Place
จากจุดเริ่มต้นที่เราก้าวเข้ามาในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ด้วยภาพจำของเมืองที่เงียบสงบ เรียบง่าย ไม่ได้คาดหวังว่าจะพบกับสถานที่ที่แตกต่างออกไป จนกระทั่งได้ค้นพบ Jack’s Place “อัญมณีที่ซ่อนอยู่” ที่เปิดประตูพาเราไปสู่โลกอีกใบที่เต็มไปด้วยเรื่องราว บรรยากาศ และรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำความรู้จักกับร้านนี้ ได้ซึมซับบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ได้พูดคุยกับคุณกบเจ้าของร้านผู้มากประสบการณ์ชีวิต และได้ลิ้มลองอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพเยี่ยม
Jack’s Place คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความรู้สึกแบบ Dive Bar สไตล์ตะวันตก ที่อบอุ่น เป็นกันเอง มีเรื่องราว มีจิตวิญญาณ เข้ากับคุณภาพและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การตกแต่งร้านที่เต็มไปด้วยของสะสมนับพันชิ้น
ซึ่งแต่ละชิ้นก็บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางและชีวิตของคุณกบ ไปจนถึงคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทลฝีมือระดับโลกของคุณกบ อาหารตะวันตกที่คุณกบทำเองได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงอาหารไทยรสจัดจ้านถึงเครื่องโดยฝีมือคุณแฟน ทุกอย่างที่นี่สะท้อนถึงความตั้งใจในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือน
ที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่การจำลองบรรยากาศ แต่คือความเป็น “ของจริง” ที่สัมผัสได้ อาจเป็นเพราะเรื่องราวชีวิตของคุณกบ ที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในต่างประเทศได้เห็นได้เรียนรู้ ได้สั่งสมประสบการณ์มากมาย ก่อนจะตัดสินใจกลับมาสร้างความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงที่ประเทศเกิดในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย มันคือการนำเอาทั้งชีวิต ประสบการณ์ และความทรงจำทั้งหมดมาหล่อหลอมรวมกันให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้
และกว่าจะมาเป็น Jack’s Place ที่เต็มไปด้วยคุณภาพและเรื่องราวอย่างที่เราเห็นในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณกบและคุณแฟน (คุณก้อ) ได้ลงทุนลงแรงกายแรงใจไปไม่น้อยจริงๆ พวกเขาทั้งสองคนเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนร้านนี้ ทำแทบทุกอย่างด้วยตัวเอง
ตั้งแต่การเตรียมร้าน จัดร้าน ทำความสะอาด ไปจนถึงการเตรียมวัตถุดิบและปรุงอาหารและเครื่องดื่ม หลายครั้งต้องขับรถเดินทางไกลไปถึงตัวเมืองเชียงราย หรือแม้กระทั่งพะเยา เพื่อเสาะหาวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดสำหรับอาหารและเครื่องดื่มแต่ละเมนู
ด้วยความทุ่มเททั้งหมดนี้ ทำให้บางครั้งพวกเขาก็เหน็ดเหนื่อย ถึงขั้นที่ว่าบางช่วงไม่ได้พักผ่อนจนป่วยก็มี นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ทุ่มเทเวลาและชีวิตส่วนใหญ่ลงไปในร้านนี้อย่างแท้จริง ความตั้งใจและความใส่ใจนี้เองที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพที่เราสัมผัสได้ในทุกๆ อย่างที่ Jack’s Place


แน่นอนว่า ขอพูดแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมว่า Jack’s Place อาจไม่ใช่ร้านที่ “ใช่” สำหรับทุกคน หากคุณมองหาร้านที่เน้นราคาถูก เน้นบรรยากาศแบบไทยๆ ทั่วไป หรือต้องการเพียงแค่ที่นั่งดื่มเบียร์ราคาประหยัด ที่นี่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้
แต่สำหรับคนที่มองหาอะไรที่แตกต่าง มองหาร้านสไตล์ฝรั่งที่มีคุณภาพ บรรยากาศดี เป็นกันเอง สะอาดสะอ้าน อาหารและเครื่องดื่มคัดสรรมาอย่างดี และเหนือสิ่งอื่นใด คือกำลังมองหา “ประสบการณ์” ที่หาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบร้านแนวนี้ ชื่นชอบบรรยากาศแบบบาร์ฝรั่งแท้ๆ ที่มีเรื่องราว หากได้ผ่านมาหรือแวะเวียนมาที่อำเภอพาน ผมอยากจะแนะนำให้คุณลองเปิดใจแวะเข้ามาสัมผัส Jack’s Place สักครั้ง
นอกจากจะได้ลิ้มรสเครื่องดื่มค็อกเทล เบียร์ ไวน์ หรือไซเดอร์คุณภาพเยี่ยม ได้ทานอาหารทั้งไทยและตะวันตกที่อร่อยและใส่ใจในทุกรายละเอียด ได้อยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยเรื่องราว คุณยังจะได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณกบและคุณก้อ คู่สามีภรรยาเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคู่ที่น่ารักและน่ารู้จักจริงๆ
มีครั้งหนึ่งที่ผมกำลังนั่งอยู่ที่หน้าบาร์คนเดียว มีลูกค้าชาวต่างชาติท่านหนึ่งเดินเข้ามาจ่ายเงิน ผมได้ยินเขาพูดกับคุณกบด้วยน้ำเสียงจริงจังและชื่นชมว่า “Man, you’re gonna have to keep this place. I never find a place like this in Chiang Rai” ซึ่งแปลได้ประมาณว่า “เพื่อนเอ๊ย คุณต้องรักษาร้านนี้ไว้นะ ผมไม่เคยเจอร้านแบบนี้ที่เชียงรายเลย”
คำพูดสั้นๆ นี้ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าความรู้สึกพิเศษที่คุณได้รับจาก Jack’s Place ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณรู้สึกไปเอง แต่เป็นสิ่งที่ผู้ที่เคยใช้ชีวิตในต่างประเทศและคุ้นเคยกับบาร์สไตล์นี้ก็สัมผัสได้เช่นกัน และเห็นว่าที่แห่งนี้มีความพิเศษและหาได้ยากเพียงใด
ในฐานะคนหนึ่งที่ประทับใจและชื่นชอบ Jack’s Place อย่างแท้จริง ผมเองก็อยากเห็นร้านนี้อยู่ต่อไปนานๆ อยากให้ความทุ่มเทของคุณกบและคุณก้อได้รับการตอบรับที่ดี หากคุณเป็นคนที่ชอบร้านสไตล์นี้ ชื่นชอบคุณภาพและความใส่ใจแบบนี้ หากมีโอกาสได้มาที่อำเภอพาน ขอเชิญชวนให้แวะเข้ามาอุดหนุน มาชมบรรยากาศ มาลิ้มลองอาหารและเครื่องดื่ม และมาให้กำลังใจเจ้าของร้านทั้งสองคน
สรุปสุดท้าย: หลังจากที่ได้พูดถึงทุกอย่างในโพสต์นี้ ทั้งบรรยากาศ เมนู และอื่นๆ ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ที่นี่คือบาร์และร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่ดีที่สุดในเชียงรายแบบไม่ต้องสงสัย และผมเชื่อว่าไม่มีที่ไหนในเชียงรายที่สามารถนำเสนอประสบการณ์แบบตะวันตกแนว Dive Bar ได้ดีเท่าที่นี่อีกแล้ว
รับรองว่าการมาเยือน Jack’s Place จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง นอกจากความคุ้มค่าในเรื่องคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับแล้ว คุณจะได้รับความประทับใจในบรรยากาศ ความเป็นกันเอง และเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครกลับไปอย่างแน่นอน และ Jack’s Place จะกลายเป็นหนึ่งใน “ความทรงจำดีๆ” ที่คุณจะนึกถึง เมื่อพูดถึงอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย… และอาจจะอยากกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน
วิธีเดินทางไป Jack’s Place
บอกเลยว่าร้านนี้ไปไม่ยากเลย เพราะตั้งอยู่ในตัวอำเภอพาน โดยอยู่ใน ซอยเทศบาล ซ.2 ซึ่งเป็นซอยเงียบๆ แต่บรรยากาศดีมากๆ ถ้าคุณไปถึงซอยนี้ได้แล้วล่ะก็ ไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะร้าน Jack’s Place อยู่กลางซอยเลย เป็นร้านเด่นร้านเดียวในซอยนั้น แถมมีป้ายไฟชัดเจนสุดๆ
1. ถ้าคุณอยู่ในตัวเมือง อ.พาน จ.เชียงราย
- เริ่มจาก ตลาดสดพาน ค่ะ ขับรถไปตามถนนทางทิศเหนือ
- มองหา ซอยเทศบาล ซ.2 ทางเข้าจะอยู่เยื้องๆ กับที่ว่าการอำเภอพาน
- เลี้ยวเข้าไปในซอย ร้าน Jack’s Place จะอยู่กลางๆ ซอย หาเจอแน่นอน
- แต่ถ้าเลย ซอยเทศบาล ซ.2 ไปแล้วไม่ต้องกังวัล ไปเลี้ยวซ้าย ซอยเทศบาล ซ.4 (ซอยโรงพัก) ที่ติดกับสถานีตำรวจอำเภอพานได้ ซอยมันเชื่อมกันหมด
2. ถ้าคุณมาจากเชียงราย
- จากเชียงรายบนถนพหลโยธิน ให้เลี้ยวขวาที่ แยกวัดชัยมงคล เพื่อเข้าตัวอำเภอพาน
- ขับตามถนนมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงที่ทำการอำเภอพาน แล้วเลี้ยวขวาเข้า ซอยเทศบาล ซ.2
- ถ้าอยู่บนถนนพหลโยธินแต่ขับเลยแยกวัดชัยมงคลมาแล้ว ไม่ต้องกังวล ขับต่อมาเรื่อยๆแล้วเลี้ยวขวาที่ แยกร้องหลอด แล้วเข้าซอย เทศบาล ซ.4 แทนได้
- จากซอยเทศบาล ซ.4 จะตัดกับซอยเทศบาล ซ.2 แล้วคุณจะเจอร้าน Jack’s Place
3. ถ้าคุณมาจากพะเยา
- จากพะเยาบนถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายที่ หกแยกพาน เข้าถนนมุ่งหน้าตัวอำเภอพาน
- ขับไปเรื่อยๆ จนถึง ซอยเทศบาล ซ.2 ซึ่งอยู่แถวหน้าที่ว่าการอำเภอพาน แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปก็จะเจอร้าน
- แต่ถ้าขับเลยหกแยกไปแล้ว อยู่บนถนนพหลโยธินขัยต่อไปให้เลี้ยวซ้ายที่ แยกร้องหลอด แล้วเข้าซอย เทศบาล ซ.4
- ซอยเทศบาล ซ.4 จะตัดกับซอยเทศบาล ซ.2 แล้วคุณจะถึงร้าน Jack’s Place
ไม่ต้องกลัวว่าจะสับสนหรือหลงทางนะคะ เพราะคุณสามารถใช้ Google Map นำทางได้ง่ายๆ แค่คลิกที่ลิงก์นี้:
https://maps.app.goo.gl/dMbiyGLfbiAEoBL9A



ขอขอบคุณที่ร่วมเดินทางและบอกเล่าเรื่องราวของ Jack’s Place มาด้วยกันครับ หวังว่าเรื่องราวที่ถ่ายทอดนี้จะสามารถสื่อถึงความพิเศษและความน่าประทับใจของสถานที่แห่งนี้ได้อย่างครบถ้วนครับ